ประสบการณ์ต่างแดน 2
พยายามเรียบเรียง เนื่องจากกลับมาเดือนกว่าแล้ว ยังไม่ได้เขียนรีวิว นี่เป็นครั้งที่ 2 สำหรับการท่องเทียวต่างแดน ครั้งแรกไปเกาะฮ่องกง ครั้งนี้ไปประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันมานานหลายปี อยากไปมาก วางแผนมาเป็นปีๆ ศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ บล็อกเกอร์ ยูทูป กูเกิ้ล พันธุ์ทิพย์ เนื่องจากครั้งนี้ต้องเดินทางด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปกับทัวร์ (ครั้งแรกไปกับทัวร์ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพราะมีไกด์นำทาง เตรียมเงินไปอย่างเดียว) แต่ข้อเสียในครั้งแรกคือ การที่เราไม่ได้เตรียมตัวนี่แหล่ะ พอเป็นวันอิสระ 1 วันเลยไม่รู้จะไปไหน จะขึ้นรถไฟฟ้าก็กลัวหลง เลยได้แต่นอนกะเดินเล่นแถวๆ โรงแรมที่พัก ครั้งนี้เราเลยวางแผนอย่างดี ศึกษาข้อมูลที่แต่ละที่ที่เราจะไป และที่สำคัญครั้งนี้ต้องทำหน้าที่ไกด์ให้กับสมาชิกทุกคน รวม 7 ชีวิต ผู้ใหญ่ 6 เด็ก 1 (เป็นผู้หญิง4 ผู้ชาย 3) เริ่มจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกที่สุดเท่าที่จะจองได้ ล่วงหน้าเกือบปี พร้อมจองโรงแรม จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและค่าโรงแรม 5 คืนแรกแล้ว ที่เหลือค่อยกลับมาเคลียร์เอาบัตรเครดิตไปรูดจ่ายค่าโรงแรมที่เหลือกับช็อปปิ้ง พร้อมรีวิวโรงแรมที่เลือกแบบละเอียดที่สุด จะได้ไปถูก กลัวหลงมาก เพราะต่างบ้านต่างเมือง ต่างภาษา
เดอะแกงค์พร้อมเดินทาง
นับถอยหลังด้วยความตื่นเต้น จนถึงวันที่เราจะต้องเหินฟ้าจริงๆ สักที จากสนามบินดอนเมือง สู่สนามบินคันไซ เมืองโอซะกะ ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 17 เมษายน 2559 เวลา 14.15 น. จองเวลาช้าไปนิด เพราะกลัวตื่นไปสนามบินไม่ทัน แต่ทุกคนตื่นเต้นไปถึงแต่เช้า กลุ่มแรกไปถึงตั้งแต่ 10 โมง ส่วนเราไปถึงตอน 11 โมงกว่า เนื่องจากทราบมาว่าบินนอกประเทศต้องเผื่อเวลาสำหรับเช็คอิน โหลดกระเป๋า ผ่าน ต.ม. สัก 3 ชั่วโมง (แต่เราเช็คอินกับเว็บมาล่วงหน้าแล้ว) เมื่อถึงจุดนัดพบ จัดการกับสัมภาระโหลดขึ้นเครื่อง เตรียมเสบียง ก็เดินไปที่เกท เพื่อรอขึ้นเครื่อง
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ตรวจสอบเอกสารพาสปอต
- ใบจองโรงแรม ปริ้นชื่อและภาพสถานที่ต่าง ๆ ที่จะไป เผื่อไว้ถามทาง
- ปลั๊กไฟ
- แบตสำรอง (32000 mAh) ไม่เกิน 2 ก้อน
- จองพ็อคเก็ตไวไฟ สะดวกสำหรับค้นหาข้อมูลจากเว็บ Hyperdia
- เสื้อผ้าตามฤดูกาล สภาพอากาศ (ตรวจสอบบ่อยๆ)
- ยาแก้เมื่อย (ไม่ได้ใช้เลย เพราะไม่เมื่อยเท่าไร มีเวลาพักผ่อนนาน)
- แลกเงินเยน
แผนการท่องเที่ยว
- แถบคันไซ โอซะกะ, เกียวโต, นะระ (จริงๆ มีโกเบ แต่ตัดออก เพื่อช็อปในโอซะกะแทน) 5 วัน 5 คืน ไม่นับวันเดินทางไปถึง
- โตเกียว 2 วัน
- ฟูจิ 2 วัน
- โตเกียวอีก 1 วัน (นั่งเครื่องจากนาริตะ กลับดอนเมือง)
แผนเราปรับเปลี่ยนไปมาตามความเหมาะสม ตอนแลกแพลนคร่าวๆ แล้วมาปรับเมืองเล็กๆ ตามสภาพอากาศ เพื่อสะดวกกับการเดินทาง อย่างเมืองเกียวโต นะระ เลือกไปวันไม่มีฝน แต่กลับมาพักที่โรงแรมเดิม
จองโรงแรมที่ฟูจิ เช็คสภาพอากาศจนค่อนข้างนิ่งแล้ว ถึงเลือกไปวันนั้น และจองเผื่อวันอื่นๆ ของอีกโรงแรมพอได้วันแน่นอนค่อยยกเลิกโรงแรมตามแผนอีกทีก่อนกำหนดที่จะโดนหักเงิน และกลับมาช็อปที่โตเกียวอีกวัน
กะลังผ่าน ต.ม. ขาออก หรือขาเข้า
วันแรก
ถึงญี่ปุ่นประมาณ 3 ทุ่มกว่า ก่อนกำหนดนิดหน่อย แต่กว่าจะผ่าน ต.ม. เอากระเป๋า เข้าห้องน้ำ เสร็จก็เกือบเที่ยงคืน ที่จำหน่ายตั๋วต่าง ๆ ที่วางแผนไว้ว่าจะซื้อก็ปิดหมด พลาดไป 1 คราวหน้าคงวางแผนบินให้เช้ากว่านี้
ออกมาก็งงนิดๆ หัดซ้ายหันขวา จะไปทางไหนดี อ่านรีวิวมาแล้วก็ยังงงๆ ลังเล ระหว่างรถบัส กับรถไฟว่าจะนั่งรถอะไรเข้าเมืองเพื่อไปโรงแรมดี ถามเจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปรถไฟ เหลือเวลาอีกประมาณ 10 นาที วิ่งสิ วิ่งกันหูตั้งเลยทีเดียว
ตั๋วรถไฟก็ยังกดไม่เป็น มีเจ้าหน้าที่มาบริการกดให้ก่อนแบบงงๆ แล้ววิ่งไปขึ้นรถไฟฟ้าขบวนสุเดท้าย ทันพอดี หอบกันเลยทีเดียว
โรงแรม Hotel consort ชื่อสถานนีที่ลงยาวมาก Nishimakajima minamikata เป็นโรงแรมที่จองไว้พร้อมกับตั๋วเครื่องบินตกคืนละ ไม่ถึง 2 พัน ประมาณ 1900 เศษ เห็นว่าราคาถูกมาก จองไว้ 5 คืน 17-22 เมษายน 2559 ยื่นเอกสารจองหน้าเคาท์เตอร์ รับกุญแจมา 3 ห้อง (เด็กฟรีไป สบายเลย เพราะเค้าไม่คิดเพิ่ม) ห้องมาตรฐานญี่ปุ่น แค่พอนอน วางของได้นิดหน่อย ของใช้ในห้องน้ำ ชุดคลุมพร้อม แวะร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้ามโรงแรม แล้วเข้าที่พัก เกือบตีสอง เหนื่อยมาก นอนพักผ่อน ก่อนเที่ยวต่อในตอนเช้า (นัดกันทางไลน์กับกรุ๊ปอีกที) เหตุผลที่เราจองโรงแรมคืนแรก หลังจากศึกษาแล้ว บางคนจะนอนที่สนามบินเพราะถึงดึก แล้วนั่งรถไฟตอนเช้า แต่เราอยากพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อพร้อมสำหรับเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้ หากนอนสนามบิน คงพักผ่อนไม่เต็มที่แน่ๆ ยอมเสียเวลาเช็คอินแต่ได้เข้าพักเลยดีกว่า เพราะกว่าจะเช็คอินได้โรงแรมที่ญี่ปุ่น คือ 15.00 น. อยากนอนมากกว่านั่นเอง555+
รีวิวโรงแรมประกอบจากเว็บพันธุ์ทิพย์
http://pantip.com/topic/31451624
วันที่ 2 ปราสาทโอซะกะ, Namba, Dontonburi, shinsaibashi
ตื่นมาหาอะไรง่ายๆ กินแถวโรงแรมนี่แหล่ะ มีซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่ไกลนัก ถือว่าเดินเล่นไปเรื่อย ๆ พร้อมกันอีกทีเกือบเที่ยงละมั้ง วันแรกเราแพลนว่าจะไปปราสาทโอซะกะ (Osaka castle) และไปช็อปปิ้งย่าน Namba, Dontonburi, shinsaibashi แลนด์มาร์คก็ว่าได้
ปราสาทโอซะกะ
ไม่ได้ขึ้นชมปราสาท ไว้คราวหน้าละกันนะ
ช็อปปิ้งถึง 2 ทุ่ม เมื่อยมาก หาไรกิน ร้าน yoshinoya มีสาขาในไทยด้วย เคยไปทาน มาลองที่ต้นตำหรับบ้าง เหมือนกันเป๊ะ
มื้อเย็น
วันที่ 3 เกียวโต (Kyoto)
จากการตรวจสอบสภาพอากาศ วันสองวันนี้อากาศดีไม่มีฝน เราเลยเลือกเดินทางไปเมืองใกล้ ๆ นั่นคือ เกียวโต เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น สถานที่ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นมรดกโลก ทำให้เราแพลนไปเที่ยวเมืองนี้ ออกเดินทาง 9 โมงเช้า หาอะไรลองท้องให้เรียบร้อย นั่งรถไฟไปลงที่
-ศาลเจ้าจิ้งจอก ที่มีเสาโทริอิ เยอะๆ ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha)
เป็นที่แรก พอถึงเดินตามทาง จะมีนักท่องเที่ยวเดินเยอะแยะ ไม่ต้องกลัวหลง มาถึงก็เกือบเที่ยงพอดี เด็กเริ่มหิวแวะหาอะไรกินกันก่อน เราสั่งข้าวหน้าปลาไหล ปลาไหลกรอบนอกนุ่มใน อร่อยมาก อยู่ปากทางเข้าศาลเจ้า จริงๆ ตั้งใจมากินร้านดังที่มีคนรีวิวไว้ แต่ร้านดันปิด แต่ร้านนี้รสชาติก็อร่อยแล้วนะ
ถ่ายภาพตัวอย่างเซ็ทอาหาร+ราคาไว้สั่ง กันสั่งผิดเมนู
ถ้าจะดื่มด่ำบรรยากาศ หรือเดินชมจนทั่วบริเวณ คงใช้เวลาทั้งวัน เราจึงเก็บเฉพาะแลนด์มาร์ค แล้วเตรียมตัวไปที่ต่อไป
-วัดทอง วัดคินคะคุจิ(Kinkakuji)
จากศาลเจ้าจิ้งจอง นั่งแท็กซี่ 2 คัน มาลงที่วัดทอง เพราะไม่อยากเดิน และต้องเก็บอีก 2 ที่ ช่วยประหยัดเวลา ตอนแรกบอกคุณลุงแท็กซี่ผิดวัด ดันไปบอกวัดน้ำใส โดนคุณลุงตีด้วยความเอ็นดูเบาๆ ขำกันใหญ่ ดีว่ารถพึ่งออกไปนิดเดียว
มาถึงวัดทอง เสียค่าเข้าชมคนละ 400 เยน วัดทองเป็นวัดเล็กๆ ใช้เวลาเดินไม่นาน เมื่อชมความงดงามรอบๆ แล้ว เราก็ย้ายไปวัดสุดท้ายของวันนี้
-วัดน้ำใส วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส(Kiyomizu-dera)
เรียกแท็กซี่มาที่วัดน้ำใสอีกเหมือนเดิม คุณลุงแท็กซี่อีกเช่นกัน สังเกตว่าแท็กซี่ญี่ปุ่นจะมีแต่คุณลุงขับ ประตูคนนั่งก็เปิดอัตโนมัติ ขึ้นรถก่อนค่อยบอกสถานที่ที่จะไป เราจะบอกก่อนขึ้นทุกที ติดจากเมืองไทย กลัวเค้าไม่ไป 55555 คุณลุงแท็กซี่คันนี้บอกว่าในหลวงเคยเสด็จรถแท็กซี่คันนี้ โชว์แบงค์ที่ได้รับจากในหลวงด้วย รถคันนี้ดูหรู และใหม่ ตื่นเต้นกันใหญ่
ที่เราเลือกแท็กซี่เพื่อให้ทันเวลา เรามากันหลายคน คิดว่านั่งแท็กซี่ไม่เหนื่อย อาจจะแพงหน่อย แต่หารกันก็คนละไม่ถึงพันเยน วัดน้ำใสต้องเดินขึ้นเนิน แท็กซี่ก็ไปส่งถึงบนเนิน จุดจอดรถแท็กซี่สบายไป ค่าเข้าชม 400 เยนเหมือนที่อื่น ๆ รอบนี้เดินไม่ทั่ว เพราะบริเวณค่อนข้างกว้าง บางคนไม่อยากเดินแล้ว รอข้างนอก ถ่ายรูปแลนด์มาร์คเสร็จ ก็เตรียมเดินทางกลับ ซื้อทาโกะตรงคิวรถแท็กซี่ลองท้อง และกดน้ำอัดลมขวดเล็กกิน เป็นกิจกรรมที่ชอบมาก หยอดตู้กดน้ำอัตโนมัติเนี่ยะ
ขากลับเราเรียกรถแท็กซี่จากอีกเช่นกัน เพื่อไปลงสถานีรถไฟ เพียง 620 เยน แป๊บเดียวเอง มิเตอร์ยังไม่ทันขึ้นเลย เดินเล่นแถวสถานีรถไฟ แล้วซื้อตั๋วเพื่อกลับโรงแรมที่โอซะกะ ถึงโรงแรมแยกย้ายหาของกินตามอัธยาศัย เพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้เที่ยววันต่อไป
วันที่ 4 นะระ
วันนี้สภาพอากาสโปร่งสบาย มีแดด ไม่มีฝนเลย ตรงตามพยากรณ์เป๊ะๆ ลุยต่อสิ รออะไร วันนี้เราจะไปหาน้องกวาง ที่สวนสาธารณะนะระ และวัดโทไดจิ (Todaiji Temple) แอบสำเนียงญี่ปุ่นนิดนึง ใช้สระเสียงสั้น ก่อนมาเราคุ้นเคยกับ นารา โอซาก้า แต่พอมาเราเข้าใจว่า ญี่ปุ่นจะใช้สระเสียงสั้น มากกว่าเสียงยาว จึงเรียกแต่ละเมืองแบบสำเนียงญี่ปุ่นเป๊ะๆ
เนื่องจากโรงแรมเราใกล้สถานที่รถไฟ จึงเดินทางสะดวกสบาย ซื้อตั๋วรถไฟมาลงที่นะระ เดินตามทางออกมาเจอป้ายรถเมล์ ขึ้นรถเมล์เพื่อไปลงสวนสาธารณะนะระ ประมาณ 2 ป้ายรถเมล์ เราขึ้นฝั่งที่ลงรถไฟ เลยตัดสินใจนั่งชมรอบๆ ให้ครบรอบก่อนค่อยลง ไหนๆ ก็เสียค่ารถ220 เยน ตลอดสายแล้ว พอรถวิ่งครบรอบก็ลงที่สวนสาธารณะ
ถ่ายรูปกับน้องกวางเสร็จแล้ว เที่ยงกว่าแล้ว เด็กก็เริ่มงอแง หิวข้าว ข้ามถนนแล้วเดินหน้าหาข้าวเที่ยงกันก่อน เจอร้านข้าวอบ ไม่รู้ว่าคืออะไร กินอิ่มแล้วเดินหน้าต่อ หาวัดโทไดจิ เดินหน้าไปเรื่อยๆ ก็เจอวัดเฉยเลย เจอแบบงงๆ วัดสวยงามมาก เป็นมรดกโลกอีกที่ ที่เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบน้องกวางตลอดเส้นทางในเมืองนะระ เลยทีเดียว
ข้าวอบ ต้องรออบให้ได้ที่กินแนมกับผัดผักอร่อยดี เต้าหู้ และบ๊วย
วันที่ 5 Namba, Dontonburi, shinsaibashi
วันนี้ตื่นเช้าไปเดินเที่ยวตลาดปลา เช้าของเราถือว่าสายละ ไปตลาดปลาก็วายแล้ว แต่เรามาเพื่อกินซูชิ มาถึงเกือบ 8 โมง รอคิว 2 คิวเกือบครึ่งชั่วโมง
กลับจากตลาดปลา นอนกลิ้งไปกลิ้งที่บนห้องพักต่ออีกหน่อย สายๆ เที่ยงๆ ค่อยออก วันนี้มีฝนปรอยนิดหน่อย เนื่องจากเราตัดโปรแกรมที่โกเบทิ้ง เพราะคิดว่าวันเดียวไม่น่าจะเก็บอะไรได้ ฝนก็ตก อากาศไม่เป็นใจ ท่าเรือที่ตั้งใจไปควรอยู่ถึงมืดถึงจะสวย ไว้มาเก็บคราวหน้า เผื่อนอนค้างสักคืนน่าจะดีกว่า
วันนี้นอนเต็มที่ออกไปช็อปปิ้งของฝากเกือบเที่ยงเลย เนื่องจากเพื่อนบอกว่าที่นี่ถูกกว่าที่โตเกียว แต่เทียบราคาแล้วก็ไม่แพงกว่ากันสักเท่าไร เช่นเหล้าบ๊วย ถูกกว่ากันไม่เกิน 100 เยน
วันที่ 6 โตเกียว
ตื่นเช้าเช็คเอาท์สัก 10 โมง เพื่อเดินทางต่อไปโตเกียว เมืองหลวง พอจะย้ายเมืองทีก็แอบตื่นเต้นที กำลังเข้าที่เข้าทางกับเมืองโอซะกะ ต้องย้าย ก็กลัวจะหลงเป็นธรรมดา ตั้งแต่มา 5 วันยังไม่หลงสักที่ เนื่องจากเราถามทางตลอด ถ้าไม่แน่ใจ ก่อนใช้ตั๋วจะถามเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันความถูกต้องอีกครั้ง ติดต่อเจ้าหน้าที่ซื้อตั๋วแบบจองที่นั่ง เพราะเจ้าหน้าที่กดให้ราคาต่างกัน ไม่ถึงพันเยน เพื่อความสบาย กลัวจะไม่มีที่นั่ง แต่พอขึ้นรถมาก็ว่างเยอะ เนื่องจากเป็นต้นสายมีคนทยอยขึ้นตลอดสาย ไม่แน่นมาก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงโตเกียว
จากประสบการณ์ขึ้นรถไฟมา 5 วันเต็ม ทำให้เราเริ่มคล่องขึ้น ตั้งจีพีเอสเดินลากกระเป๋าไปโรงแรมที่จองผ่านเว็บ booking ไว้ 2 คืนนี้เราเลือกแถวอุเอะโนะ เพราะใกล้ที่เที่ยว เดินทางสะดวก HOTEL SARDONYX UENO โรงแรมเล็กๆ มีอาหารเช้าพร้อม แต่มีให้เลือกเป็นเซ็ท 3 เซ็ท ชุดขนมปังกะน้ำซุป แถมดริงค์คนละ 1 ดริ้งค์ใช้วันไหนก็ได้
รีวิวประกอบโรงแรม HOTEL SARDONYX UENO
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2010/11/E9962382/E9962382.html
เรามาถึงโรงแรมก่อนเวลา ก็ทำการฝากกระเป๋าตามที่ได้ศึกษามาจากรีวิว ว่าฝากได้ แล้วไปหาของกิน ย่านที่เราพักใกล้ตึกม่วง ใกล้ตลาด Ameyoko และ Ueno Park
วันนี้หาเนื้อย่างกิน สมใจอยากทีเดียว
เสร็จแล้วแยกย้ายเข้าที่พัก ตอนเย็นออกมาเดินเล่นตึกม่วง หรือตลาด Ameyoko กันตามอัธยาศัย
ตอนเย็นกินซูชิสายพานกัน ร้านใกล้ๆโรงแรมเยอะมากเลือกไม่ถูกเลย ไม่ได้หิวทำไมภาพเบลอ เหมือนมือสั้น
วันที่ 7 โตเกียว
วันนี้ออกเดินทางสายๆ สัก 9 โมง เดินจากโรงแรมไปสวนอุเอะโน แวะดูเบสบอลแป๊บๆ ถ่ายรูปเล่นในสวน วันนี้มีกิจกรรมแข่งเต้นของเด็กและเยาวชนญี่ปุ่น นั่งดูแป๊บๆ เตรียมมูฟ เพราะวันนี้เราจะไปหลายที่ ขึ้นสถานีรถไฟตรงอุเอะโนะ เลือกตั๋วแบบเหมาวัน 800 เยน เพราะต้องขึ้นลงหลายที่ น่าจะคุ้มกว่า เพราะไม่ได้ซื้อพาสใดๆ เพราะคิดว่าคงใช้ไม่คุ้มแน่ๆ เราเที่ยวันไม่กี่ที่ มาถึงที่แลนมาร์คที่แรกในโตเกียว
-วัดเซนโซจิ(Sensoji Temple) บางคนนิยมเรียกว่าวัดอาซากุสะ หรือวัดโคมแดง (Asakusa Kannon Temple)
เดินเที่ยววัดเสร็จชักหิวแล้วสิ หาเนื้อปิ้งย่างกินดีกว่า เซ็ทอาหารกลางวันจะราคาถูกกว่ามื้ออื่นๆ เพราะมีโปรโมชั่นเป็นเซทคุ้มกว่า
-Ginza เดินเล่น ถนนคนเดิน ห้างเยอะมาก ไม่ได้เข้าไป
-Shibuya
5แยกชุบูย่าอันขึ้นชื่อ มาเก็บภาพซะหน่อย มีสตาร์บัคให้นั่งมองคนเดินข้าม5แยกไปมาด้วย
-Tokyo Skytree เห็นว่าต้องจอง คิวยาว เลยไม่ขึ้นกัน บวกกับกลัวความสูง แค่นี้พอ
วันที่ 8 ฟูจิ
วันนี้ทานอาหารเช้า เตรียมเช็คเอาจากโรงแรม เพื่อนเดินทางไปแลนด์มาร์คสำคัญอีกที่นึง ทะเลสาบคาวาคูจิโกะ ชมภูเขาไฟฟูจิ นั่นเอง
จากการศึกษาข้อมูล เดินทางด้วยรถบัส ราคาประหยัดกว่ารถไฟ ท่ารถโดยสาร Shinjuku Expressway Bus Terminal ขึ้นบันไดเลื่อนด้านหน้าทางออกขายบัตรโดยสาร (ทางออกทิศใต้ใหม่) เพื่อไปยังท่ารถขาออกบนชั้น 4
เว็บจองรถบัส
http://highway-buses.jp/thai/
ใช้เวลาพอกัน ประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่ต้องรีบเพราะกว่าจะเช็คอินเข้าโรงแรมได้ คือบ่าย 3 โมงกว่ารถโรงแรมจะมารับ เราออกเดินทางตอนสายๆ ถึงสถานีรถบัส ได้รถเที่ยว 11 โมงกว่า (เวลาประเทศญี่ปุ่น) ถึงสถานนีรถบัสที่คาวาฯ ประมาณบ่ายโมง ให้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวติดต่อโรงแรม แต่ต้องรอเวลากว่ารถโรงแรมจะมารับคือ บ่าย 3 โมง ตามเวลาเป๊ะ เราก็นั่งรอไปสิ วันนี้พยากรณ์อากาศบอกมีฝนมีเมฆ ก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ไม่เห็นแม้แต่เงาภูเขาไฟฟูจิ มีแต่หมอกหนามาก อากาศเย็นมาก 13 องศา หาที่หลบอากาศหนาว ระหว่างรอรถโรงแรมมารับ (Mizuno Hotel)
รถโรงแรมมารับเช็คอินเรียบร้อย เข้าห้องพัก แยกย้าย วันนี้จอง 2 ห้อง เพราะราคาค่อนข้างสูง บวกกับห้องพักเต็ม โรงแรมตั้งอยู่บนเขา เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิชัดเจน แม้วันนี้จะยังไม่เห็นก็ตาม ได้แต่เฝ้ารอ จากที่อ่านรีวิว ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 4 เพื่อมาดูภูเขาไฟฟูจิ เลยทีเดียว
ออกมาอวดโฉมแล้วจ้า เวลา ตี4.30 น. ยังมีเมฆลอยนิดหน่อย
วันที่ 9 ฟูจิ
วันนี้อากาศดี ตื่นเช้ามาเมฆหายหมดแล้ว นั่งมองฟูจิที่ระเบียงห้อง ฟินสุดๆ สวย อากาศเย็นสบาย สายๆ รองท้องด้วยมาม่าคัพที่เหลือ แล้วไปเดินเล่น เพื่อไปขึ้นกระเช้าชมความงามของภูเขาไฟฟูจิให้เต็มตา ถ่ายรูปเก็บภาพจนพอใจแล้ว ก็ลงมาเดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบ
เที่ยงแล้วหิว หาอาหารรับประทาน บางร้านมีเมนูภาษาไทยด้วย เดินเจอคนไทยเยอะแยะเลย เหมือนอยู่ประเทศไทย
ข้าวหน้าเทมปุระ
เดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบคาวากูชิโกะ ภาพภูเขาไฟตอนสะท้อนน้ำ ก็สวยมากๆ
วันที่ 10 โตเกียว
เช็คเอาท์จากโรงแรม ให้รถโรงแรมมาส่งที่สถานีรถบัส ซื้อตั๋วรถบัสเพื่อกลับโตเกียว ถึงโตเกียวยังไม่ได้เวลาเช็คอิน เดินหาโรงแรมเพื่อเอากระเป๋าไปฝากแล้วหาของกิน โรงแรมสุดท้าย Hotel Mystays Ueno Inaricho รู้สึกเดินไกลมาก 15 นาที จากสถานีรถไฟ พอถึงโรงแรมพอดีห้องพักว่าง เลยได้เช็คอินเข้าที่พักก่อนเลย แล้วกลับไปหาอะไรอร่อยๆ ทาน แถวอุเอะโนะ ตอนเย็น
รีวิวโรงแรม Hotel Mystays Ueno Inaricho
http://pantip.com/topic/33285251
วันที่ 11 เดินทางกลับ
เช็คเอาท์จากโรงแรมตามเวลา เพราะไม่ได้รีบ เนื่องจากไฟท์กลับ 2 ทุ่มเศษ มีเวลาโอ้เอ้อีกนิดหน่อย ละลายเงินเยน นั่งรถไฟจากอุเอะโนะ ไปสนามบินนาริตะ ตอนแรกซื้อตั๋วผิด ไปสนามบินไม่ได้ ติดต่อเจ้าหน้าที่อีกทีเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหน หลังสอดตั๋วไปแล้ว เจ้าหน้าที่แนะนำ และคืนเงินให้ว่าเราต้องไปอีกสถานีนึง คือ keisei station
กดตั๋วผิด เอามาแชะถ่ายรูป อ้าวผิด ซื้อใหม่555+
ได้ขึ้นรถไฟไปนาริตะแล้ว เหมาขบวน จริงๆ เพราะเป็นต้นสายยังไม่มีใครขึ้น เราเลยเก็บภาพกันก่อน
จบทริปญี่ปุ่นแบบด่วนๆ งงๆ ไม่ลงรายละเอียดมาก ก็ลืมๆ เลือนๆ ไว้ค่อยมารีวิว เกี่ยวกับการขึ้นรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นแยกอีกรีวิวจะดีกว่า
You must be logged in to post a comment.