ทริปเคาท์ดาวน์ที่ภูกระดึง

ทริปเคาท์ดาวน์ที่ภูกระดึง

เป็นอีกที่ที่ใฝ่ฝันตั้งแต่สาวๆ จนปูนนี้ ขึ้นภูกระดึงตอน 42 ขวบ จะรอดหรือไม่

การเดินทางอันยาวนาน แวะนอนโคราชก่อน 1 คืน ถอยโกรโปร8 มาเพื่อถ่ายคลิปอีก 1 ตัว ที่เทอมินอลโคราช

ก่อนขึ้นภูกระดึง เลยไปเชียงคานกันก่อน ระยะทางร่วมร้อยกิโลฯกันเลยทีเดียว

เดินเล่นถนนคนเดิน แวะกินก๋วยจั๊บญวน และหมูยอแสนอร่อย

พักผ่อนหนึ่งคืน ตื่นเช้าออกจากที่พัก7โมง เพื่อขึ้นภูกระดึงก่อน 8 โมง จะได้ไม่ต้องรีบเดิน คนปกติน่าจะใช้เวลา 5 ชั่วโมง เราขอ 10 ชั่วโมงไปเลย เอาจริงๆ ถึงเกือบ 5 โมงเย็น ช่วงปีใหม่ขึ้นภูกระดึงฟรีด้วยนะ

การผจญภัยกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว มาศึกษาแต่ละซำกันก่อนว่ามีกี่ซำ ระยะทางเท่าไรกันบ้าง

ตื่นเช้ามายังคึกคัก เราต้องรอด เราต้องเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึงให้ได้ ตามมาเลย

แวะเก็บภาพก่อนขึ้นกันอีกนิดนึง

ซำแฮก คือซำแรกที่เหนื่อยสุดๆ ใช้เวลานานสุด เกือบหนึ่งชั่วโมง เดินแบบใจเย็นๆ เข้าเช้ายังไม่ได้ทาน เกือบหมดแรง น้ำหนึ่งขวดหมดพอดี ถึงซำแฮกแวะพักทานข้าว ทานน้ำ ทานแตงโม และสปอนเซอร์ เพื่อไปต่อ มีเสียงกระซิบชวนกลับตลอดเวลา เกือบถอดใจ แต่เราก็ต้องสู้ต่อไป ระหว่างทางฝุ่นเยอะมาก ควรมีหน้ากากปิดไว้จะดีมาก ช่วงปีใหม่อากาศแห้ง ไม่มีทาก เดินทางสบายหน่อย

เหนื่อยจนไม่อยากถ่ายรูปแล้วนาทีนี้ ยิ่งสูงยิ่งเมื่อย ตะคริวเริ่มมา เริ่มเดินช้าลง อาหารตามซำต่างๆ อร่อยมาก ราคายิ่งสูงก็ยิ่งแพง และจากซำแคร่ถึงหลังแปคือเด็ดมาก สูงมาก

ถึงแล้ว ขาขึ้นไม่ค่อยมีรูป เพราะมันเหนื่อยสุดๆ ลำดับภาพอาจไม่เรียงต้องขออภัย

อาหารมื้อแรกบนภูกระดึง มื้อเย็นก็ต้องหมูกะทะแล้วละ มื้อกลางวัน มื้อเช้าก็ข้าวแกงบ้าง เดินเล่นอยู่แถวๆ ที่พัก ไม่ได้ไปไหนเลย เพราะผู้ร่วมเดินทาง คือครอบครัวเราเอง ไม่มีใครสู้สักคน จะไปคนเดียวก็กระไรอยู่ ปวดเมื่อยขาด้วย คงต้องมาเก็บอีกทีรอบหน้า

สนุกับใบเมเปิ้ล

พกหม้อชาบูมาทานระหว่างวันด้วย

ตอนกลางคืน คืนแรกดาวสวยมาก เห็นชัดมาก ใหญ่มาก และเยอะมาก เสียดายกล้องเก็บภาพไม่ได้ ใช้ภาพจำด้วยดวงตาแล้วกัน

ตื่นเช้ามาชมพระอาทิตย์ที่ผานกแอ่นกันสองคนแม่ลูก

จะเดินทางกลับละนะ 3 วันสองคืน บนภูกระดึง อากาศดีมาก กลางคืนเต้นท์สั่นเพราะแรงลม แต่ไม่ร้อนเย็นสบายดี

เก็บภาพก่อนกลับสักหน่อย จุดแลนด์มาร์ค

นับถือพี่น้องลูกหาบมากๆ ขาขึ้นแบกกระเป๋าขึ้นกันเอง ไปๆมาๆสามีแบกของลูกคนเดียวจ้า ช่วยๆกัน ขาลงจ้างลูกหาบ 12 ก.ก. 360 บาท เดินลงขาสั่นมาก แต่ถึงเร็วกว่าตอนขึ้น ขับรถยาว 13 ชั่วโมงถึงตราด แวะนอนตามปั๊มบ้าง เหนื่อยสุดๆ แต่สนุก อยากไปอีกแล้ว แล้วพบกันเมื่อพร้อม ภูกระดึง

 

โตเกียว ฟูจิ2019 ญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ

ทริปพาพ่อกับแม่เที่ยว พ่อกับแม่อายุ67ปีแล้ว อยากพามาดูฟูจิสักครั้ง… ทั้งคู่มีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจ การเที่ยวครั้งนี้ จึงเป็นการมาดื่มด่ำบรรยากาศ แพลนไม่แน่น (ทุกทีมาเองก็ไม่เคยแน่น5555) สิ่งที่ต้องเตรียมคือยาโรคหัวใจ พกขึ้นเครื่องพอทาน2-3มื้อ ที่เหลือโหลดใส่หระเป๋า แต่ขากลับพ่อลืม ถือขึ้นเครื่องซะเยอะเลย ดีที่พนักงานเข้าใจและใจดี ปล่อยผ่านไม่โดนทิ้งยาเสียหมด

วันแรกของการเดินทาง บินไฟท์เช้า ตี5.05 มาสนามบินตั้งแต่ตี3 รับ pocket wifi ของ samurai ที่ชั้น1 เจ้าประจำ จองล่วงหน้ามาก่อน ได้โปรวันละ130บาทต่อวัน รวม8วัน 1040บาท ใช้ได้ไม่อั้น 4-5 เครื่องไม่มีสะดุดจ้า (ขอค่าโฆณาด้วยนะคะ5555) เนื่องจากวันไปพึ่งหมดพายุ ทำให้บินช้ากว่ากำหนดนิดนึง เพราะมีไฟท์เลื่อนมาบินวันนี้วันแรก รอประมาณครึ่งชั่วโมง ขึ้นเครื่องเสิร์ฟอาหารที่จองมาล่วงหน้าประมาณ9โมง แล้วนอนยาว เราช่วยกรอกใบ ตม ให้ทุกคน แล้วให้ทุกลงลงชื่อเอง รายละเอียดไม่เยอะเหมือนคราวก่อน ไม่มีถามเงินที่พกมา ครอบครัวละ 1 ใบ สำหรับใบใหญ่

ถึงสนามบินนาริตะปรับเวลาเป็นเวลาที่ญี่ปุ่น เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง นั่งรถไฟจากสนามบินเข้าเมือง แอบดูรีวิวนิดหน่อย กดตั๋วรถไฟเดินทางเข้าเมือง 1310 เยน 9 ชีวิต มีเด็กโตอีก4คน ลงสถานีผิด แต่พนักงานช่วยเหลืออย่างดี ไม่ต้องกดตั๋วใหม่ ขอให้ถามหรือแจ้งเค้า

ลงจากสถานีรถไฟลากกระเป๋า กดจีพีเอสถึงโรงแรม ปรากฎว่าผิดอีกจ้า ที่เดินไปเป็น mystay asakusabashi ที่เราจองคือ มายสเตย์ส อาซาคุสะ mystay asakusa เฉยๆ ทั้งๆที่อ่านรีวิวมาแล้ว ว่าให้ระวัง เลยให้พนักงาน รร ช่วยเรียกแท็กซี่ 3 คัน โดนค่าชาร์จนิดหน่อย 1320 เยน คันละ คน  แต่ไม่ไกลมากจองไว้ 3 คืน ห้อง 3 เตียง กว้างสบายดีมาก ใกล้แหล่งท่องเที่ยว จองพร้อมตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพง

ถึงโรงแรมก็พักผ่อนหาข้าวกินมื้อเย็น ฝนปรอย และมืดเร็วเลยทานใต้โรงแรมเป็นร้านอาหารสไตร์อินเดีย จานแรกคือกระเพราะไก่ไข่ดาวและข้าวหน้าแกงกะหรี่ไก่ มีอุด้งแกงกระหรี่อีกไม่ได้ถ่ายภาพไว้ เหมือนจะหิว รถชาติพอใช้ได้ แต่ไม่มีความเป็นกระเพราไก่สักนิดเลย พ่อกะแม่ต้องพึงน้ำพริกแมงดาป่นที่พกมาด้วย555+

 

Day2

วันที่ 2 เนื่องจากพักใกล้วัดอาซะกุสะ ก็เลยเที่ยวแถวนี้ก่อน กะว่าจะนั่งแท็กซี่ไป แต่ก็เห็นว่าไม่ไกลอีก เดินไปละกัน จะได้สำรวจเส้นทางไปด้วย ผ่านท่าเรือที่ไปโอไดบะได้ แต่ก็ไม่ได้ไปสักวัน เสียดายมาก ตอนแรกจะแพลนไปแต่เวลาไม่พอ ถ้าไม่ติดแพลนฟูจิ เพราะดูพยากรณ์ละมีฝน แต่ถ้ายกเลิกต้องจ่าย1คืนที่ฟูจิ เกิดเสียดายเงินค่าโรงแรม แพงเสียด้วย

น้ำพีชอร่อยมาก กดไปหลายกระป๋องเสียดายไม่ได้กดกลับมาไทย หิ้วไม่ไหว ติดใจตั้งแต่พาเด็กๆมาโอซะกะคราวก่อน ตั้งใจจะกดกลับ แต่ลากกระเป๋าไม่ไหวแล้ว เห้อ

ถึงวัดแล้ว เก็บภาพเป็นที่พอใจ ก็เดินหาข้าวกลางวันทานสักหน่อย หาร้านปิ้งย่างที่เคยทานไม่เจอแล้ว เลยมาจบที่ร้านนี้ แถวตลาด ใกล้ๆกับวัด

พวกเราไม่เน้นตามรีวิว เจอร้านไหนน่าทาน คนไม่เยอะมาก พอรอไหวก็ทานเลยจ้า

ชาไข่มุกนี่ชิมตลอด 3คนแก้วเดียว ไม่อ้วนหรอกเนอะ แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปหรอก

แม่ปวดท้าวถอยรองเท้าคนละคู่กับพ่อ พ่อได้กระเป๋า anello อีกใบแถววัด 5100 เยน แต่วันสุดท้ายที่อะเมโยโกะ แค่ 3900 เยนเอง555+

ต่อไปหอคอย โตเกียวสกายทรี Tokyo skytree

ระหว่างทางไปหอคอยฯ อากาศดีมากๆ ไม่ร้อน 20 องศา เดินสบายๆ ไม่เหนื่อย แต่เมื่อยนิดหน่อย

มารอบที่สองแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดขึ้น เพราะสูงเหลือเกิน ใจไม่สู้เรื่องความสูงจริงๆ ปล่อยให้อีกครอบครัวขึ้นไป เรานั่งรอข้างล่าง ก่อนกลับเดินหาข้าวในศูนย์อาหารตรงหอคอยนั่นละ เจอร้านอาหารไทย ถูกใจพ่อกับแม่

ร้าน Jasmine Thai เป็นคนไทยทั้งหมด พูดไทยสบายเลย พ่อกับแม่ทานข้าวมันไก่ อาหารจานใหญ่มาก ทานเกือบไม่หมด หิวจนลืมเก็บภาพอาหาร ถ่ายแต่หน้าร้านมาแทน555+

จบทริปวันที่ 2

DAy3 พระราชวังอิมพีเรียล วังหลวง

กดตั๋ววันรถไฟใต้ดินไว้ 900 เยน ตอนแรกตั้งใจจะนั่งแท็กซี่ แต่เดินมาเจอสถานีรถไฟเลยเลือกนั่งรถไฟ แต่เป็นการวางแผนที่ผิดมาก เพราะเดินหาทางเข้าวังไม่เจอ อีกทั้งเดินไกลมาก แม่เหนื่อย ขึ้นลงบันไดเยอะ จบทริปนี้แค่สวนรอบๆ วัง (แนะนำนั่งแท็กซี่จากสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด) หาข้าวกินก่อนแล้วกัน ทุกคนเริ่มหิว

อยากทานเนื้อย่างพอดี แต่ร้านนี้มีแต่เนื้อ ลูกสาวไม่กินเนื้อเลยต้องสั่งสปาเกตตี้ซอสมะเขือแทน ส่วนเราทานสเต็กเนื้อ พ่อกับแม่เลือกแกงกะหรี่ไก่ ทานเหลือที่นึงเพราะเลี่ยน แต่แถมสลัดผักให้ทุกที่ แต่ก็ติว่าน้ำสลัดออกไปทางเค็ม

จากนั้นไปต่อที่5แยกชิบูย่า แลนด์มาร์คอีกที่นึงที่อยากให้ทุกคนได้ไป แต่กังวัลว่าจะเดินเหนื่อย ขากลับเลยนั่งแท็กซี่บ้าง ลดความเหนื่อย

วิวจากสตาร์บัค สั่งน้ำสองแก้ว นั่งชมวิวสักพัก ก็กลับไปนอนพักผ่อน เย็นนี้อาศัย 7-11 ใกล้โรงแรมแล้วกัน มื้อเย็น

Day4-5 ย้ายไปฟูจิกัน

เช็คเอาท์จากโรงแรมเช้าหน่อยก่อน 8 โมงจะได้ทันรถบัสเที่ยวกับ 9 โมง ฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้ 2 คืน รร. คิดคืนละ 300 เยน/1ใบ รวม 1200 เยน กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง เนื่องจากพนักงานคุยจีนปนอังกฤษ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร งงมาก 5555+ หน้าออกจะไทยฮิ

จากเหตุการณ์พายุเข้าทำให้รถบัสวิ่งไม่ได้เส้นทางเดิม พนักงานแนะนำให้ไปต่อรถที่ โกเทมบะ

เปลี่ยนบัสจากโกเทมบะ ดูพยากรณ์มีฝนตกทั้งสองวัน ความหวังจะได้เห็นฟูจิไม่มีเลย ก่อนต่อบัสที่โกเทมบะ ถ้าเห็นฟูจิ จะสวยมากๆ มีคนรีวิวไว้เยอะเลย แต่ทริปนี้มาหลังพายุเพียงไม่กี่วันเสียดายมากๆ

แล้วเราก็แค่ย้ายที่นอนจากโตเกียวมานอน Hotel mystays fuji onsen resort 2 คืนเท่านั้นเอง ฝนตก ฝนปรอย ฟ้าครึ้มๆ ตลอด 2 วัน พร้อมหมอกปกคลุม ไม่เห็นแม่แต่เท้าของฟูจิ เศร้าใจมาก จริงๆ ครั้งแรกเคยมาแล้ว แต่ครั้งนี้อยากให้พ่อแม่และลูกๆมาเห็นเท่านั้นเอง ไม่ได้แม่แต่จะไปริมทะเลสาบ lake kawaguchiko เลย อดนั่งกระเช้า อดนั่งเรือชมทะเลสอบ ผิดพลาดไปอีกแพลน แสนเสียดาย ไว้พามาแก้มือใหม่

และนี่คืออาหารว่างจาก lawson มีมาม่า ปลาหมึกทอดด้วย อาหารกล่อง ระหว่างฝนตก หลังจากพลาดร้านปิ้งย่างข้าง lawson ข้างสวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ เพราะร้านเปิดเย็นมาก พอซื้อเสบียงเสร็จพึงเปิดเสียได้

แต่สิ่งที่โรงแรมนี้มีออนเซนวิวภูเขาอีกต่างหาก แต่แน่นอนเราไม่เห็น ไหนๆก็พลาดเห็นฟูจิ เลยต้องไปลองออนเซนซะหน่อย ประสบการณ์ครั้งแรกเลยนะ อายก็อายเหอะ

Day6-7

ขากลับมีแดด แต่เรากลับเช้า เริ่มเห็นตรีนเขาฟูจินิดๆแล้ว ขากลับ กลับรถไฟ 2 ต่อ ถูกกว่าบัสไปอีก กลับไปพักโตเกียวกันต่อ แถวตึกม่วง ย่านอุเอะโนะ

โรงแรมซานดรอนิกส์  Hotel Sardonyx Ueno พักครั้งที่ 2 มีเวลคัมดริงส์ แล้วก็อาหารเช้าแบบขนมปังกาแฟให้ด้วย พอได้รองท้อง เช็คอินเสร็จ ก็ไปหาปิ้งย่างกินสักหน่อย

อิ่มแล้วเข้าที่พัก 6 โมงค่อยออกไปช็อปตึกม่วง เดินเล่นตลาด ตลาดอะเมโยโกะ ปิด2ทุ่ม ไปเดินไม่ค่อยมีของขายแล้ว เลยกลับห้อง พรุ่งนี้เช้าค่อยมาช็อปก่อนย้ายโรงแรมอีก

มื้อกลางวันจัดสุชิสายพาน พ่อกะแม่กินปลาอีกร้าน อยู่ข้างๆกันนี่เอง

ทานเสร็จเดินเล่นตลาดอีกนิดนึง

เนื่องจากนอนที่อุเอะโนะคืนเดียว แล้วจะย้ายไปนอนใกล้สนามบิน เพราะบินไฟท์เช้า 9 โมง เพราะกลัวไม่ทัน

โรงแรมนาริตะโทบุ แอร์พอร์ต (Narita Tobu Hotel Airport) รร 4 ดาว ราคาไม่แพง ห้อง 4 คน มีรถรับส่งจากสนามบินตลอดทั้งวัน ตอนแรกจะนั่งแท็กซี่ไปโรงแรม แต่ถามพนักงานและดูจากแอพจองโรงแรม สรุปรอรถบัส รร มารับ น่าจะทุกชั่วโมงเลย จาก terminal2 เดินไปรอบัสช่องที่ 25 ใกล้สนามบินมากๆ จะนั่งบัสมาหาอะไรกินที่สนามบินก็ได้ แต่ในโรงแรมมีร้านซูเปอร์เล็กๆ มีอาหารกล่องเหมือนกัน ไหนๆ ก็ไหนๆ เย็นนี้ขอทานบุฟเฟ่แล้วกัน เห็นขาปูแล้วอยากทาน คนอื่นบาย จัดไปสองคนแม่ลูก เด็กครึ่งราคาอายุไม่เกิน 12 นะคะ ถ้าวันธรรมดาจะถูกกว่านี้อีก แต่พอดีมาพักวันเสาร์อาทิตย์พอดี

Day8 เช็คเอาท์ตอนตี5 ขึ้นรถไปสนามบิน 6 โมง มีเวลาเหลือเฟือ หาข้าวกล่องทานก่อนขึ้นเครื่อง ละลายเงินเยน เหลือกลับแค่ 3 เยนพอ

กลับจริงๆ แล้วจ้ะ ถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ แอบเห็นยอดเขาอะไรสูงๆ ไม่แน่ใจว่าภูเขาอะไรนะ 🙂 ไว้รอรีวิว ทริปต่อๆของพวกเราได้อีกน๊า ขอบคุณที่ติดตามอ่านรีวิวจนจบจ้า ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ ภาพเยอะ เนื้อน้อย เพราะมีคนรีวิวไว้เยอะมากแล้วที่ที่พวกเราไป เคยมีรีวิวเมื่อหลายปีก่อน ย้อนไปอ่านได้… อีกอย่างคือค่าใช้จ่ายสำหรับพ่อกับแม่จากลูกสาวทั้งสามคน อยากให้รางวัลชีวิตที่ท่านเลี้ยงพวกเรามาจนโตได้ขนาดนี้ รักพ่อกับแม่ ต้องดูแลหัวใจท่านกันด้วยน๊า

Lake heaven กาญจนบุรี

ทริปเรื่อยเปื่อยไปจบที่กาญจบุรี lake heaven

จากตราดมาแวะนอน กทม. 1 คืน ที่พักประจำ เลยมีกิ๊ฟเล็กๆน้อยๆ เตรียมไว้ให้ แบบนี้คงต้องกลับมานอนอีกแน่ๆ

ก่อนออกเดินทาง แวะเติมพลังก่อนที่ นี่ทาน 3 คน จุก

ออกเดินทางจาก กทม. แวะไหว้องค์พระฯที่นครปฐม ต่อไปที่จังหวัดกาญจนบุรี หาโรงแรมนอนแถวในเมืองก่อน 1 คืน

ที่สำคัญคือเรื่องกิน หารีวิวอาหารอร่อย บรรยากาศดี แต่มามืดไปหน่อย อร่อยทุกอย่าง ครัวชุกโดน กุ้งแม่น้ำทอดซอสมะขาม ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ปลาคังทอดน้ำปลา และแกงคั่วหอยขม

ขากลับก็แวะหาอะไรรองท้องก่อน ที่โรงแรมไทยเสรี อร่อยทุกอย่าง

มีแกงป่าลูกชิ้นปลากรายเด้งดึ๋ง ไก่ต้มน้ำปลาไม่เหมือนบ้านเรา และทอดมันปลากราย

ถึงที่พักเป้าหมาย Lake haven ไม่ได้จองมา walk in เข้าไป ดีที่มีห้องว่างพอดี

รีวิวที่พัก ห้องพัก เครื่องเล่นสวนน้ำเล่นฟรี แต่ออกจะเก่าไปนิด เล่นยาก ค่อนข้างสูง คืนละ 3,500 บาท

แวะต้นจามจุรียักษ์ แลนด์มาร์กของที่นี่ และสวนสัตว์ก่อนกลับ

จบทริปเมืองกาญฯ ประทับใจอาหาร แล้วจะกลับมาอีกนะ

แพ500ไร่ เขื่อนรัชชประภา เขื่อนเชี่ยวหลานเมืองไทย กุ้ยหลินเมืองไทย

แพ500ไร่ เขื่อนรัชชประภา เขื่อนเชี่ยวหลานเมืองไทย กุ้ยหลินเมืองไทย เหล่านี้คือชื่อสถานที่เดียวกัน แพ500 ไร่ คือที่พักที่เราเลือกพักในทริปนี้ ด้วยจำนวนรีวิว และภาพสถานที่ที่สวยงาม ดึงดูดความสนใจยิ่งนัก จองล่วงหน้าด้วยราคาที่คิดว่าโปรถูกพิเศษ ก่อนเดินทาง มีมาคอนเฟิร์ม ต้องจ่ายเพิ่มราคาเต็มสำหรับสมาชิกที่ไปเพิ่ม เกือบลังเล แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจ่าย ด้วยผิดที่เราลืมระบุจำนวนคนนั่นเอง เบาๆ หัวละ 6000 เด็ก 1500 ราคาผู้ใหญ่อาจจะแรงไปนิดนึง พักแพหลังเดียวกันหมด แต่มีเด็กๆ 2 คน เลยไม่หนักเท่าไร ราคานี้รวมอาหาร 3 มื้อ และเรือเดินทางมาแพ พร้อมประกันชีวิตอีกด้วย

ตารางโปรแกรม

เดินทางจากจังหวัดตราดมุ่งหน้าสู่สุราษฎร์ธานี นอนพักแถวชุมพรหนึ่งคืน ประมาณเที่ยงคืนก็นอนพัก ถึงสุราษฯ แวะพระบรมธาตุไชยาก่อน จึงเลยเวลานัดหมายนิดหน่อยเพื่อรับน้องสาวที่สนามบินสุราษฯ รวมผู้ร่วมเดินทาง 6 ชีวิตแล้วตอนนี้

พระบรมธาตุไชยา

แวะหาที่พัก1คืน ก่อนลงแพพรุ่งนี้เช้า ใกล้ๆ สำนักงานแพ500 ไร่นั่นละ ราคาถูก คืนละ 300 เท่านั้น แค่นอนจริงๆ 🙂

เช้าแวะหาข้าวเช้ากินก่อนไปสำนักงานฯ เจอร้านติมซำ ต้มเลือดหมู จัดซะอิ่ม พอมาถึงสำนักงานฯ อ้าว มีข้าวต้ม กาแฟ น้ำผลไม้ ขนมปังเลี้ยงด้วย เอิ่ม พลาดอย่างแรงเลยนิ555+

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นัดหมายขึ้นรถเพื่อไปลงแพ ไม่เกิน 10 โมง

 

 

 

 

แวะชมวิวเขื่อนฯกันก่อนขึันเรือ คนขับรถพามาพบไกด์ของที่พัก

ไกด์นำขึ้นเรือ ระหว่างทางแวะชมจุดต่างๆ ไกด์บรรยายให้ฟัง อาทิเช่น เขาสามเกลอ

 ถึงแล้ว

ถึงแล้ว ที่พัก สระว่ายน้ำ ทานอาหารกลางวันกันก่อน

ห้องพักเป็นแพ 2 ชั้น ชั้นบนนอนได้อีก 4 คน

กิจกรรมพายเรือชมแพรอบๆ อากาศค่อนข้างร้อน กว่าแอร์จะเปิด เล่นน้ำรอวนไป มีน้ำผลไม้จำหน่าย สั่งมาดับร้อน รอเวลาเปิดแอร์ที่พักตอนเย็น6 โมงเย็น ถึง 6 โมงเช้า แอบติว่าเปิดช้า และปิดเร็วไปนิด เพราะอากาศค่อนข้างร้อน เดือนเมษายน 2561 ภาพบรรยากาศแพ และกิจกรรม

ตื่นเช้ามีกิจกรรมนั่งเรือชมเขื่อน ชมสัตว์ ในกลุ่มตื่นกันแค่ 2 คนเรา มีจอยเรือไปกัน 2 กรุ๊ป ตั้งแต่มาจนกลับ เช้านี้เจอหมูป่า ไม่เจอนกเงือกเลย แอบเสียดาย

จบกิจกรรมนั่งเรือกลับ ทานอาหารเช้า เตรียมเดินทางกลับ

แวะเที่ยว ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด เพราะอยู่ใกล้ที่พักเมื่อคืนก่อนลงแพนั่นเอง มีแอบหลงนิดๆ ตามจีพีเอสไปไม่ผิดหวังจริงๆ ต้องตาดี ดูป้ายด้วยนะถึงจะไปถูก เจอกรุ๊ปที่ขึ้นเรือไปแพพร้อมเราด้วย เรากลับเค้าถึงพอดี 🙂

 

 

 

 

 

 

แวะหินพัด ทางชัน แอบน่ากลัว 😦

ซุ้มกระดังงาน อร่อยทุกอย่าง ประทับใจใบเหรียงผัดไข่ ผัดวุ้นเส้น และแกงปูอร่อยมากๆ

หาที่พัก แล้วหาอาหารเย็นปักษ์ใต้ทาน

 

Lucky resturant ก่อนกลับ ร้านเมื่อคืนอร่อยกว่านะ

สักการะศาลหลักเมืองฯก่อนกลับ

จบทริปสุราษฯ 🙂 ไว้กลับมาเที่ยวใหม่นะ

 

Japan2

ทริปญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ตัดสินใจไม่นาน ปกติต้องจองล่วงหน้าเป็นปี อันนี้จองล่วงหน้าไม่ถึงเดือน เนื่องจากไปเจอโปรฯหางแดงลดอีกเช่นเคย เหลือแค่ 7,700+ ต่อหัว ไป-กลับ ดอนเมือง-โอซาก้า เดือนตุลาคม 2017 ไม่ไปได้ไง พาสปอร์ตก็จะหมดอายุปีหน้า ต้องไปทำใหม่อีก เลยตัดสินใจพาลูกเที่ยวญี่ปุ่นตามคำเรียกร้องของลูกๆ และเงินในกระเป๋าอันน้อยนิด เมื่อจองตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็วางแผนท่องเที่ยว จองที่พักต่อ จัดกระเป๋า 7 วัน 6 คืน เที่ยวแถบคันไซ ภูมิภาคเดียว แลกเงินมา 29500 บาท ได้มา 1 แสนเยนพอดี เริ่มทริปพาลูกเที่ยวกันเลย

22852227_1431021193678605_6513446287679103536_n

พร้อมบินไฟท์บ่าย ถึงดึก คืนแรกแพลนไว้นอนสนามบิน ตรง aero plaza

หาอะไรกินรองท้องที่ lawson แล้วก็ หาที่นอน เนื่องจากไปถึงดึกแล้ว ที่นอนมีคนจองเต็ม เลยหามุมว่างๆ จับจอง พักสายตา อาจนอนไม่สบายเหมือนนอนโรงแรม หลับๆ ตื่นๆ เช้ามาที่นอนว่าง เพราะคนทยอยออกไปหมดแล้ว ค่อยขยับมานอนบนเบาะ กว่าจะล้างหน้าล้างตา หาอะไรกินรองท้อง แล้วจึงเดินทางไปโกเบตอนสายๆ ตอนแรกกะว่าจะนั่งเรือ แต่เด็กๆ อยากนั่งรถไฟแล้ว ก็เลยเปลี่ยนแผนไปนั่งรถไฟไปโกเบ ใช้เวลา ชั่วโมงกว่าๆ ต่อเดียวถึงที่พัก ลงสถานี Boeki Center เดินไปโรงแรม 300 เมตรเป็นทางลงเนิน

Hotel 1-2-3 Kobe

ห้องพัก ขนาดกำลังดี ราคา 2688.59 หรือ 9180 เยน มีอาหารเช้า สำหรับ 4 คน แต่ไกลจากที่เที่ยวนิดหน่อย พอเดินไหว เช็คอินแล้วพักสักแป๊บ เย็นๆ ค่อยไปหาสเต็กเนื้อโกเบกิน

ร้าน Steakland อันนี้สาขาไหนไม่รู้ ตั้งจีพีเอส เดินหาเอา อยู่ชั้น 6 หายากเหมือนกัน เดินงงๆ ต้องเข้าซอยมา พอถึงก็ยังไม่มั่นใจ แต่ดูจากรูปและโต๊ะแล้วน่าจะใช่ เหมือนในรีวิว เนื่องจากมาตอนเย็น โต๊ะว่างมาก มีอยู่ 2 โต๊ะเท่านั้น รับเมนูแล้วสั่งเป็นเซ็ทเนื้อพร้อม ข้าว สลัด และซุป 2 ชุด ส่วนเด็กๆทานซีฟู้ด ราคาแรงสำหรับมื้อเย็น เกือบ2หมื่นเย็น เบาๆ  เนื้อออกเค็มไปนิด เพราะเห็นเชฟโรยเกลือเยอะมาก

อิ่มแล้วกลับโรงแรม กลิ้งไปกลิ้งมา ตัดสินใจไปชมไฟหอคอยโกเบ ตรงท่าเรือโกเบ นั่งรถไฟ แล้วต่อแท็กซี่ ขากลับกลับแท็กซี่ ขี้เกียจเดิน เมื่อยแล้ว

เจอตู้กดน้ำที่ไหนไม่ได้ ปันปันร้องจะกดทุกที หิวน้ำบ่อย ติดใจน้ำลูกพีชที่นางถือ อร่อยดี เสียดายไม่ได้หิ้วกลับมา

เช้าลืมลงมาทานอาหารเช้าที่โรงแรม เพราะจำเวลาผิด นึกว่า 10 โมงเหมือนเมืองไทย เลยเช็คเอาท์แล้วไปเที่ยวปราสาทฮิเมจิต่อ หาตู้ฝากกระเป๋าที่สถานี sanomiya

ค่าเข้าผู้ใหญ่ 1000 เยน เด็ก 400 เยน เดินถึงยอดปราสาทเริ่มหิว แวะเดินเล่นแถวตลาดแล้วหาอะไรกินก่อนย้ายเมืองไปเกียวโตกันต่อ

กลับมาที่สถานี sanomiya หาตู้ฝากกระเป๋า ที่ถ่ายรูปเก็บไว้ ซื้อตั๋วไปเกียวโต

มุ่งหน้าเกียวโต ถึงสถานีเกียวโตก็เย็นมากแล้ว ขึ้นแท็กซี่ไปที่พักเลยแล้วกัน แถววัดน้ำใส ไม่ต้องเดินขึ้นเนินให้เหนื่อย เมื่อย กว่าจะถึงที่พักก็เกือบค่ำ เพราะช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นมืดไว ประสบการณ์นอนเกรสเฮาส์ครั้งแรก แอบงง เพราะไม่มีพนักงานคอยต้อนรับเนื่องจากเรามาเช็คอินหลัง 17.00 น. พนักงานทำงานถึง 17.00 น. งมกันอยู่พักใหญ่ๆ เข้าไปเช็คเมลที่เกรสเฮาส์ส่งมา มีรหัสเปิดไขกุญแจห้องออกมา ห้องกว้างดีมาก พักเท้าแล้วเตรียมออกไปหาข้าวเย็นทานกัน

มื้อเย็นแถววัดน้ำใส (หรือวัดคิโยะมิซุ kiyomizu dera) ร้านทยอยปิดแล้ว เพราะ 6 โมงเย็นแล้ว เริ่มมืด คนเริ่มกลับ อาหาเย็นเทมปุระ อร่อยมาก ไก่ย่างก็อร่อย มีสาวชุดกิโมโนมานั่งกิน แอบถ่ายภาพติดมา ส่วนสภาพห้องจะรกๆ นิดนึง ห้องถือว่ากว้างใช้ได้ราคาสำหรับ 4 คน ถือว่าแพงสุดในทริปนี้ก็ว่าได้ 4744.57 บาท หรือ 16200 เยน แต่ห้องกว้างสบาย มีทุกอย่างครบ ครัว เครื่องซักผ้า แต่มานอนคืนเดียว ไม่ได้ใช้สักอย่าง ที่ถูกคือตู้กดน้ำ น้ำเปล่า 50 เยน เป๊บซี่ 100 เยน

เป็นการวางแผนพลาดมาก เดินค่อนข้างเหนื่อย เพราะย้ายเมืองบ่อย 2 คืนแรก จัดเมืองที่ต้องเดินไกลๆ ไว้วันแรก เลยค่อนข้างเหนื่อย สำหรับผู้ใหญ่ แต่เด็กๆเดินกันไม่บ่น ไม่เมื่อยเลยสักนิด

วันที่ 4 เช็คเอาท์ 11 โมง ตอนลงมาเจอพนักงาน คืนกุญแจแล้วก็ไปเดินเล่นต่อที่วัด ให้คุณชายเฝ้ากระเป๋า เพราะเคยมาด้วยกันครั้งก่อนแล้ว ตัวอาคารไม้หลังใหญ่ปิดปรับปรุงยาวถึง 2020 เลยไม่ได้เข้าไปชม แค่พาลูกเดินดูด้านหน้า แล้วก็เตรียมกลับ ขึ้นแท็กซี่ไปศาลเจ้าจิ้งจอกกันต่อ

นัดเจอเพื่อนไว้ด้วย เพื่อนเก่าสมัย ปวช. เพื่อนพักแถววัดจิ้งจอก ก่อนแยกย้าย เพื่อนบอกที่ กทม. มันไกลมาเจอที่ญี่ปุ่นเลย 5555

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เป็นศาลเจ้าที่มีเสาโทริอิ เยอะมากๆ เป็นหมื่นๆต้นเรียงราย เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวมาเยอะมาก เรามาครั้งที่ 2 แล้ว ผู้ชายเฝ้ากระเป๋าเช่นเดิม สาวๆ ไปเดินถ่ายรูป ปันปันได้ชุดยูกาตะมา 1 ชุด 1000 เยน เดินเท่ารอบที่แล้วที่มา ไม่ได้เดินไปสุด เพราะต้องย้ายเมืองไปนอนโอซาก้ากันต่อ

แวะหาทาโกะยากิ กับเนื้อย่างกินรองท้องก่อน ข้าวหน้าปลาไหลไม่ได้กินอย่างที่ตั้งใจ เพราะกระเป๋าหลายใบ แอบเซ็ง

เดินมาขึ้นรถไฟไปโอซาก้า เลือกลงสถานี Shitannoje-mae Yuhigaoka ประสบการณ์การขึ้นรถไฟ รอบนี้ กดตั๋วเงินไม่พอไปหลายรอบ แต่ไม่มีปัญหา สามารถนำตั๋วที่เรากดผิด ไปเติมเงินเปลี่ยนตั๋วใหม่ได้ กรณีเงินไม่พอจะออกไม่ได้ เครื่องจะร้อง เราก็เอาตั๋วมาเปลี่ยนตั๋วใหม่ที่ตู้ เติมเงินตามจำนวนที่ขาด (จริงๆ เคยพลาดมาคราวก่อน มีเจ้าหน้าที่มาช่วยสอนเติมเงิน เลยจำมา) มาญี่ปุ่น 2 รอบแล้ว ไม่เคยซื้อพาสสักที ด้วยการเที่ยวของเราไม่เน้นคุ้ม เน้นตามสภาพจริงที่ไหว ออกแนวเที่ยวน้อย เน้นพักผ่อน แค่นี้ก็ขาลากแล้ว

คืนที่ 3-6 พักโอซาก้ายาวไป 3 คืน เลือกจองอพาร์ทเม้นต์จะได้ประหยัด ตกคืนละ 2000+ ราคา 3 คืน 6292.80 หรือ 21500 เยน บวกค่าทำความสะอาดอีกพันนิดๆ (3500 เยน)

ลงรถไฟมา ตั้งจีพีเอส เดินมาที่พัก งงๆ กันอีกพัก นึกว่าจะเหมือนเกรสเฮ้าส์ ต้องเข้าไปเช็คเมลจากที่พัก ได้รหัสเปิดประตู แล้วจึงใช้รหัสรับกุญแจที่คล้องไว้หน้าประตูอีกที ซับซ้อนมั้ย จริงๆ ก็ไม่นะ แต่พึ่งเคยเจอก็เลย งง ๆ นิดนึง 🙂

IMG_8991

ไม่ได้ถ่ายอพาร์ทเม้นต์ มีนางแบบตัวน้อย ชุดจากเกียวโตวัดจิ้งจอก 1000เยน ห้องมีเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ ครัว แต่เล็กกว่าเกรสเฮ้าส์ เพราะราคาถูกกว่า แต่เดินไปแหล่งช้อปปิ้งแถวดงทงบุร ตลาดคุโระมง นัมบะ แต่ก็ขาลากเหมือนกันนะเดินเป็นกิโลเลย

เข้าที่พักเราก็นอนกลิ้งเกลือก สัก 6 โมงเย็นเวลาประเทศญี่ปุ่น ค่อยไปหาอะไรกินแถวตลาดคุโระมง

หาร้านปิ้งย่างกินก่อน ลูกๆไม่กินเนื้อ ก็มาต่อราเมง แล้วแวะตลาดซื้อปลาดิบ ปลาไหลย่าง แซลมอนย่าง องุ่น กลับมากินที่ห้องอีก แถวนี้ตู้กดน้ำ 50/80 เยนก็มี ถูกดี กดทุกวันลูกๆ ชอบ

วันที่ 2 ในโอซาก้า มาช็อปขนมที่ดองกี้ ถ่ายภาพป้ายกูลิโกะ หาอะไรกินแล้วพักผ่อน

กินข้าวหน้าเนื้อหน้าหมู ช็อปขนม ได้แท็กคืน แล้วมานั่งกินแพนเค้กฟูๆนุ่มๆนิ่มๆ ร้านที่เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน อร่อยมาก เสร็จแล้วกลับห้องจ้า

IMG_9093[1]

มาเก็บภาพแลนด์มาร์คซะหน่อย

วันสุดท้ายก่อนกลับ ฝนตก ดูจากพยากรณ์แล้ว แทบไม่ได้ไปไหนเลย หาข้าวกินแถว lawson กว่าจะตัดสินใจออกจากห้องด้วยเสียดายไปลา พาลูกไปเที่ยวอคาเรี่ยม ไคยูคังหาซื้อตั๋วแถว lawson ตั้งใจจะซื้อแบบรวมค่ารถไฟ แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง เอาภาพให้ดูแล้ว เค้าก็พาไปซื้อที่ lawsonพนักงานช่วยกรอกให้เพราะเป็นตู้ภาษาญี่ปุ่น เดินซะเหนื่อยเลย นั่งรถไฟใต้ตินไปเดินเล่น ถึงก็ค่ำมืดแล้ว กลับมาไม่มีอารมร์ช็อปปิ้ง ๆ หิวก็หิว ฝากท้องกับ lawsonอีกเช่นเคย พักผ่อน เตรียมแพ็คของกลับพรุ่งนี้

เช้าวันกลับ ฝนก็ตกไม่หยุด รออยู่นาน ต้องเช็คเอาท์ 10 โมง กะจะช็อปปิ้งต่อ ก็อดอีกตามเคย หาซื้อร่ม ลากกระเป๋าไปสนามบินเลย เหนื่อยๆเพลียๆ ไปนอนที่ aero plaza รอเครื่องออกไฟท์2 ทุ่ม หาอะไรกินรองท้อง วันนี้ที่นอนว่างมากจับจองเอนหลัง หลังจากอิ่มแล้ว เช็คอินออนไลน์ไม่ได้ รอไปเคาท์เตอร์อย่างเดียว วันนี้คนเยอะ แถวยาว รอนานพอควร ผ่านเข้าเกทแล้ว ช็อปขนมอีกรอบก่อนกลับ เงินเยนที่เหลือใช้ให้หมด รูดบัตรอีกนิดหน่อย ได้ขนมมาเยอะแยะเลย จบทริปแบบเหนื่อย กลับมาแบบป่วยๆ เพราะฝนที่ญี่ปุ่น สมาชิกแข็งแรงมาก หัวหน้าไกด์อย่างเราเหนื่อยงอมเลย 🙂  อีกสองสามปีเจอกันใหม่คราวก่อนก็พูดแบบนี้ ปีกว่าๆ มาอีกละ จบทริปทุลักทุเล คราวหน้าจะแพลนให้ดีกว่านี้นะ

IMG_9299[1]

ทริปสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน

ปิดเทอมกระเตงลูกเที่ยว ทริป 3 วัน 2 คืน ไปใกล้ๆ ถือเป็นรางวัลชีวิต พักผ่อนชาร์ตแบตเติมพลังอะไรก็ว่ากันไป ปีนี้จบที่สิงคโปร์ เกาะเล็กๆทางใต้ของไทย สภาพภูมิอากาศคล้ายๆ ประเทศไทย ออกไปทางร้อนชื้น จากที่ฟังและค้นคว้ามา อ่านรีวิว เยอะๆ จองล่วงหน้าโปรถูก บินไปกลับ 2,500 บาท จากอู่ตะเภา กับหางแดงเจ้าประจำ เจ้าเดียวที่เคยบิน นอกเหนือจากที่เคยไปกับทัวร์ฮ่องกงแอร์ไลน์ หลังจากจองก็พักการอ่านรีวิวไปยาวๆ จนกว่าจะใกล้ถึงวันเดินทาง ก็ด้วยงานประจำที่มีภาระกิจมากมาย อ่านไว้นานก็ลืมอยู่ดี

หลังจากจองไม่นานนัก ก็มีจดหมายจากสายการบินยกเลิกไฟท์ที่บินจากอู่ตะเภาไปสิงคโปร์ โดยมีช่องทางเยียวยา 3 ช่องทาง ได้แก่ ยกเลิกรับเงินคืน เปลี่ยนวันเดินทาง หรือย้ายไปบินที่ดอนเมือง เมื่อคุยกับสมาชิกแล้ว ก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปบินที่ดอนเมืองแล้วกัน

ใกล้ถึงวันเดินทาง ตื่นเต้นอีกแล้ว เคยไปเมืองอื่นมาแล้ว แต่ที่สิงคโปร์เป็นครั้งแรกที่ไปเอง ต้องปริ้นแพลน ภาพ ใบจองโรงแรม ใบจองตั๋วเครื่องบินไปให้ครบกันพลาด เคยได้ยิน ตม.ที่นี่น่ากลัวพอดู สำเนียงอังกฤษแบบสิงคโปร์ก็ฟังยากด้วย

ก่อนบินไปหาแลกเงินสิงคโปร์ก่อน ลองไปใกล้ๆ ในฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ปรากฎว่าไปถึงตอนเย็น ที่แลกเงินสีเขียว เหลือแต่แบงค์พัน โชคดีที่มีคนไทยไปทำงานสิงคโปร์เอาเงินสิงคโปร์มาแลกพอดี เลยแลกกับคนนี้แทน เรท 24.4 แลกมา 12200 ได้มา 500 เหรียญสิงคโปร์ แบ่งกับน้องสาวคนละครึ่ง ขาดเหลือรูดบัตรเราไม่พกไปเยอะ พอไปเท่าไรก็หมดแน่ๆ 🙂 คืนก่อนบินเลือกพักใกล้ๆ สนามบินดอนเมือง ราคาไม่แพง เดินทางแค่สิบนาที จองที่จอดรถไว้ คืนละ 250 แต่จริงๆ ไม่ต้องจองก้ได้ วันแรก 350 บาท ถือเป็นค่าบริการ ไม่ต้องวนหาที่จอดให้ยุ่งยาก วุ่นวาย ยอมจ่ายแลกกับความสบาย

ถึงดอนเมืองแต่เช้า เพราะเผื่อเวลาไว้ 3 ชั่วโมง หาอะไรกินก่อนเช็คอินเรียบร้อย ผู้ร่วมทาง 6 คน เป็นเด็ก 3 ผู้ใหญ่ 3 โหลดกระเป๋าคนเดียวของน้องสาว 20 ก.ก. แล้วเราก็แอบพ่วงไปอีกใบ เพราะน้ำหนักเหลือ 😉 เที่ยวบิน 10.40 am. ถึง สิงคโปร์ 2.05 pm.

ถึงสิงคโปร์ก็เดินหันซ้ายหันขวา งงๆ หาทางออกไม่เจอ เดินๆ ตามเค้าไป ช่วยกันดู นั่งรถไฟไปที่พักย่านไชน่าทาวน์ กว่าจะกดตั๋ว ก็งงๆ เดินไปถามเค้าให้แลกเงินมากดตั๋วที่ตู้ กลุ่มเราใช้ตั๋วแบบขาเดียว ไม่ได้แลกบัตรอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากชอบกดตั๋วที่ตู้สนุกดี

IMG_8403

ภาพตั๋วบางส่วนที่กดในทริปนี้

รถไฟที่สิงคโปร์ก็เข้าใจไม่ยากเท่าไร ค่ารถไฟก็ 1 เหรียญกว่าๆ เท่านั้น วันแรกไปถึง อากาศก็ร้อนๆ หมดแรก ขอพักผ่อน แล้วเย็นๆ ไปเดินหาอะไรกินก็พอ

 

อาหารการกินที่นี่ รสชาติไม่สู้จะถูกปากเราสักเท่าไร เครื่องปรุงก็ไม่มีพริก น้ำตาล ออกจะจืดๆ เซ็ง กินไปพอประทังชีวิตไปก่อน ตอนเย็นเลยมาหากินแถวไชน่าทาวน์ แล้วก็เดินดูของฝากนิดหน่อย เย็นนี้ไม่มีภาพประกอบเลย เด็กๆก็กินแบบไม่เต็มใจกิน ดีที่พกมาม่าต้มยำมาชงกินแก้เลี่ยนอีกที

น้ำที่ 7-11 ก็ราคา 2-3 เหรียญ ขนมห่อๆ ก็แพงมาก พอดีไม่ได้พกขนมมา เพราะคิดว่าแค่สองสามวัน พอทนได้  จบวันแรก นอนหลับพักผ่อน รอลุยต่อพรุ่งนี้

ต่อไปนี้จะเป็น one day trip โปรแกรมอัดแน่นในวันเดียว เริ่มจากเดินไปวัดเขี้ยวแก้ว ใกล้ๆ กับที่พัก กินติมซำ แล้วไปเกาะเซ็นโตซ่า เพราะดูแล้วไม่ไกลจากที่พักมาก แค่ไปถ่ายรูป มีจุดให้ลง 4 จุดด้วยกันบนเกาะ เวลาคงไม่พอเข้าอควาเรี่ยมและยูนิเวอร์แซล เดินทางกลับแล้วไปต่อที่ Merlion และ garden by the bay ถึงกับเดินขาลาก เท้าพองเลย หากใครต้องการดื่มด่ำกับบรรยากาศ แนะนำให้จัดแยกวันกัน จะไม่เหนื่อยแบบเรา ดีที่ได้ผลไม้เสียบไม้ ไม้ละ 1 เหรียญหวานชื่นใจดีช่วยเติมพลังระหว่างเดินหิว ร้อน เหนื่อย เมื่อยมาก

เนื่องจากไม่ใช่ขาช็อป ก็ไม่เปลืองเท่าไร มีเงินเหลือซื้อกรรไกรตัดเล็บของฝาก ร้านแรก 8 อัน 10 เหรียญ เดินมาเจออีกร้านใกล้ๆที่พัก 12 อัน 10 เหรียญเลยซื้อีก และกระเป๋าผ้าราคาไม่แพง 7 ใบ 10 เหรียญ

 

ค่าเครื่องไปกลับ 10,000 บาท แลกเงินไป 6,100 บาท รูดบัตรค่าติมซำอีกนิดหน่อย 2,000 ค่าโรงแรม 8,000 บาท สรุปทริปนี้หมดไปถึง 24,000 บาทไทย ต่อ 4 คน ตกหัวละ 6,000 บาท นับว่าไม่แพง ดีกว่าไปกับทัวร์รึเปล่า? เหลือเงินกลับมาแลกคืนอีก 100 เหรียญ สบายใจ จบทริปแบบห้วน ๆ ขาดรายละเอียด เพราะมีคนรีวิวไว้เยอะแล้ว น่าจะเขียนได้ดีกว่านี้

22552469_1845160688846283_4706868240548102760_n

 

แอ่วเชียงใหม่จ้าว…

ทริปเชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน… มกราคม 2560

เป็นทริปหน้าหนาวที่ใครๆ ก็ต้องเที่ยวเหนือ เคยมาเที่ยวเชียงใหม่เมื่อหลายสิบปีก่อน มากับเพื่อนๆ ทั้ง 2 ครั้ง ช่วยงานแข่งขันกีฬาราชมลคลเกม ที่ภาคเหนือเป็นเจ้าภาพ เราก็มาเที่ยวกะเค้าด้วย มาแบบงงๆ แต่ได้เที่ยวหลายที่มาก สนุกมากๆ ด้วย มาเกือบ 10 วันได้ ครั้งที่ 2 เที่ยวสงกรานต์เชียงใหม่กับที่บ้านเพื่อน เที่ยวฟรี สนุกมากอีกเช่นกัน คราวนี้มาเอง ได้ตั๋วถูกอีกแล้วครับท่าน จองล่วงหน้าเกือบปีเหมือนเดิม ราคาต่อเที่ยว 7xx บาทถูกว่าขับรถไปเอง ก็เลยตัดสินใจไม่ยาก แล้วคราวนี้ลองสนามบินอูตะเภาดูบ้าง ใกล้ตราดบ้านเรา เมื่อถึงวันออกเดินทาง ออกเดินทางล่วงหน้ามาก่อน 1 วัน มาค้างใกล้ๆ สนามบิน หาของกินอร่อยๆ นอนพักผ่อนเต็มที่ พร้อมเดินทาง เที่ยวบินที่บิน ออกเดินทางแต่เช้า 6.20 น. เราไปถึงสนามบินตั้งแต่ตี 5 เผื่อเวลาสักชั่วโมง เพราะบินภายในประเทศ เช็คอินโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ก็เข้าไปนั่งรอหน้าเกท เนื่องจากเป็นสนามบินเล็ก มีแค่ 2 เกท และช่วงนี้มีแค่ 2 สายการบินคือแอร์เอเชียเอ็กซ์ กับกานต์แอร์

สนามบินอู่ตะเภาอยู่ในเขตทหาร เป็นสนามบินเล็กๆ มีบริการที่จอดรถ วันละ 140 บาท

15977744_1162069343907126_33497244042029136_n

[รีวิวสนามบินอู่ตะเภา แบบละเอียดจากเว็บพันทิพย์ https://pantip.com/topic/33768183]

ทริปนี้ออกตัวก่อน ว่าเน้นเทียวในเมือง เนื่องจากตาลุงคนที่มาด้วย ชอบเปลี่ยนที่นอนเฉยๆ วางแผนเบาๆ วันละที่ เน้นหาของกินแถบนิมมาน จองที่พักย่านนิมมาน 3 คืนยาวเลย แล้วเช่ามอเตอร์ไซต์ วันละ 250 บาท เป็นสกู๊ปปี้ไอ ราคารถเช่าแล้วแต่รุ่น อันนี้แจ้งที่พักติดต่อรถเช้าให้ได้ สะดวกดี หรือจะติดต่อเองก็ได้ วันกลับให้เค้าไปรับคืนที่สนามบิน คิดเพิ่มอีก 100 บาท

วันแรก

จองเที่ยวบินตอนเช้าเผื่อเที่ยว แต่เปล่าเลย มาถึงตั้งแต่ 7.35 น. รับกระเป๋า หาอะไรกินในสนามบิน เพราะยังเช้าอยู่ ได้กินข้าวซอยสมใจอยาก ราคาในสนามบินก็พอควรสมราคา เห็นชามแบบนี้อิ่มจุก กินไม่หมดเหมือนกันนะ กินมื้อนี้ทีเดียวหายอยากข้าวซอยไป 3 วัน เลยไม่ได้ไปกินเจ้าดังอีกเจ้าของเชียงใหม่

เดินออกมาจากสนามบินเฃียงใหม่ พอดีเจอรถแดงบีบแตรเรียก ก็เลยนั่งรถแดง บอกไปลงนิมมาน ลืมบอกซอย ลงแบบงงๆ ลืมตัวถามค่ารถเลยโดนฟันไป คนละ 50 บาท เดินเข้าซอยต่ออีกนิดหน่อย ก็ถึงที่พัก หาไม่ยาก เดินตามกูเกิลแมปไป ที่พักของเรา 3 คืน นิมมานบูติค ซอย 17 ตกคืนละ 999 ถือว่าไม่แพง ตอนเช้ามีบริการน้ำผลไม้ กาแฟ โอวัลติน ขนมปังปิ้ง แต่ไม่ได้ใช้บริการเลยสักว่า ออกไปหาอะไรกินอร่อยๆ แถวนี้ดีกว่า

cafe

อาหารเช้าก๋วยจั๊บฟ้าธานี ไม่ไกลจากที่พัก ขี่มอเตอร์ไซต์แป๊บเดียวถึง ลองเกือบทุกอย่าง อร่อยถูกใจ กินไป 2 วันติดเลย มื้อเช้า

พิกัด https://goo.gl/maps/V7QMpT2x8VN2

มื้อเช้าอีกวัน ค้นหารีวิว แล้วตามไปกิน เอาใกล้ๆ ที่พักนี่ละ เจอร้านข้าวมันไก่ ตามไปกินบ้าง

ร้านโกยีนี่เอง ส่วนตัว ไม่เฉยๆกะรสชาติ ข้าวออกมันและจืดไปหน่อย น้ำซุปจืดตามสไตร์ข้าวมันไก่แหล่ะ พิเศษตรงมีสาหร่ายในน้ำซุปด้วย จัดหนักมื้อเช้า กินอีกก็มื้อเย็นเลย

มื้อเย็นที่เชียงใหม่ 3 วัน มาดูกันว่าเราไปชิมที่ไหนมาบ้าง

ร้านที่ 1 อยากกินปิ้งย่าง ตามหาอีกร้านไม่เจอ เลยมาเดินเล่นที่ห้างเมย่า เลือกกินบุฟเฟ่ปิ้งย่าง หัวละ 399 ใช้โปรฯแชร์แล้วลดหัวละ 100 จาก 499 Kaiten Buffet : Yakiniku Sushi

อิ่มแน่นจุก สั่งเกือบทุกอย่างที่กิน แต่ขอติว่าอาหารทะเลไซต์เล็กไปนิด สู้ที่จันทบุรี แถบบ้านเราไม่ได้ เข้าว่าอยู่เหนือติดทางเขา ให้อภัยได้

ร้านที่ 2

ร้านนี้ตั้งใจมากินมาก หลังจากที่เมื่อวานหาไม่เจอ วันนี้ข้องใจ แว้นมอ’ไซต์หาอีก โทรไปสอบถามที่ร้าน ปลากฎว่าแมปหน้าเฟสผิด ต้องตั้งไปที่ร้านท่าช้างคาเฟ่ เพราะอยู่ตรงข้ามกันเลย วันนี้ได้กินสมใจอยาก บรรยาศเหมือนตอนไปกินที่ญี่ปุ่นเลย ฟินระดับนึง มื้อนี้หมดไป 7xx บาท ถือว่าไม่แพง

มื้อถูกใจอีกมื้อนึง คือร้านข้าวต้มย้ง เหมือนเคย เสิร์ชหาจากกูเกิ้ล แล้วเข้าแมปไม่ไกลจากที่พัก แว้นมอไซต์ไปเลย ร้านนี้อร่อย และถูกจริง หมดโต๊ะนี้ไม่ถึง 300 บาทไทย

16195006_1166724160108311_671970613144256099_n

เป็นอีกร้านที่ต้องแวะไปทุกวัน เพราะอยู่ซอยถัดไปจากที่พัก ก็ของพี่โน้สอุดม นั่นละ iberry ทีรามิสุก็อร่อย บรรยากาศดี

เรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องเที่ยวเรื่องรองลงมา หลังจากพากิน ก็มาเที่ยวกันบ้าง ไปไม่กี่ที่เองวันที่สองนู่นถึงเช่ามอร์เตอร์ไซต์ วันละ 250 บาท ให้รีสอร์ทติดต่อให้ มีรถมาส่งที่รีสอร์ท อย่างที่เคยบอกไว้ข้างต้น วันนี้เราออกไม่เช้าแล้วก็ไม่สาย หลังจากทานอาหารเช้าก็แว้นไปตามที่ต่างๆ

มาต่อกันที่อุทยานราชพฤกษ์ ในวันที่ไม่มีงาน เทศกาลใดๆ ก็จะเงียบๆเหงาๆ สงบๆ หน่อยเคยมาสองครั้งได้ ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่สาม เคยมาช่วงที่มีงาน คนเยอะมากๆ

ดอยสุเทพรอบที่เท่าไรไม่รู้

พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ

ดอยปุย

ชมสวนดอกไม้จบ แว้นมอไซต์มากินกาแฟบนดอยกันต่อ ร้านที่ใครต่อใครก็มารีวิว เลยตามมาบ้าง ร้านภูฟินนั่นเอง ไกลมาก ขึ้นเขาอีก ดีที่แว้นมอไซต์ ถ้ารถยนต์คงต้องจอดไว้ด้านล่าง เดินขึ้นมาแน่ๆ

สั่งเค้กทีรามิสุ ที่ชอบ และเครื่องดื่มคนละแก้ว เตรียมตัวเดินทางกลับ นัดรับรถมอ’ไซต์ที่สนามบินเชียงใหม่ จบทริปเชียงใหม้จ้าว

แนะถิ่น กินเที่ยว เกาะกูด เมืองตราด

เที่ยวเกาะกูด 2559

ทริปนี้เราเลือกเกาะกูดที่เป็นพักผ่อน หลังจากปิดภาคเรียน จองผ่าน app booking ช่วยเดือน ต.ค. ราคาไม่แพงเกิน เนื่องจากปลายฝน ช่วยโลว์ 2 คืน ประมาณ 2700 ค่าเรือคนละ 700 ไป-กลับ เรือแอร์ เรือมีวันละเที่ยว บ่ายโมงขาไป และขากลับ 10 โมงจากท่าเรือ (หากนั่งสปีดโบท สามารถกลับตอนบ่าย เรือรับถึงหน้ารีสอร์ทเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนั่งรถจากที่พักมาท่าเรือ ทางไม่ค่อยดีนัก เมารถ เวียนหัว 🙂

14695335_1410583478970675_7603146524117717160_n

ถึงเกาะกูดวันแรกยังครึ้มฟ้าครึ้มฝน ภาพอาจไม่สวยมาก

14671244_1410891375606552_918559775361782810_n

ถ่ายจากหน้ารีสอร์ทยามเย็น

วิวหน้าเกาะกูดรีสอร์ท บรรยากาศดี วันนี้ไม่มีฝนตกเลย มีเรือให้พายเล่นด้วย มีบาร์สำหรับดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืน

อาหารบนเกาะรสชาติอร่อย ราคาอาจสูงกว่าบนฝั่งนิดหน่อย สมเหตุสมผล

ทริปนี้ 3 วัน 2 คืน วันกลับหลังจากทานอาหารเช้าจากรีสอร์ทเรียบร้อยแล้ว ก็รอรถมารับ 9 โมง ขึ้นเรือประมาณ 10 โมง ทางบนเกาะกูดไม่สู้ดี นั่งรถกว่าจะถึงท่าเรือ ทำเอาเกือบเวียนหัว แนะนำให้กลับสปีดโบทรอบบ่าย รับถึงหน้ารีสอร์ทจะดีกว่า ค่าเรือสปีดโบทคนละ 600 บาท จบทริปเกาะกูด แบบดื่มด่ำ สนุกสนานพอควร ถึงจะเป็นหน้าฝน แต่บรรยากาศสวยมากๆ แล้วเราจะกลับมาอีก แต่อาจเปลียนไปพักที่อื่นบ้าง เลิฟเกาะกูดบ้านเรา

รู้จักเว็บ Kahoot

เกมคำถามความรู้เกี่ยวกับการประกันภัย บนเว็บ Kahoot

Kahoot! เป็นเครื่องมือที่ใช้กับผู้เรียนผ่านคอมพิวเตอร์ หรือ Smart Phone โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนห้องเรียนอัจฉริยะ และการเรียนการสอนในศตวรรษที่21 คือการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะด้านการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร และมีทักษะการเรียนรู้ โดยข้อจำกัดของโปรแกรม Kahoot คือต้องมีสัญญาณ Internet

ขั้นตอนที่ 1 ผู้เรียนเข้าเว็บไซต์ Kahoot.it (ผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์ มือถือสมาร์ทโฟน ( Smart Phone ) , แท็บเล็ต หรือ PC)

ผู้เรียนก็จะพบกับหน้าจอนี้

kahoot

ใส่รหัสพินที่ได้รับ (Game PIN) จะเป็นตัวเลข 6 หลัก จากนั้นกด Enter

kahootnickname

ใส่ชื่อเล่น Nickname

รอฟังคำสั่ง เล่นพร้อมกัน

สรุปคะแนนแต่ละข้อ จนถึงข้อสุดท้าย ผู้ที่ตอบได้เร็ว และถูกต้องจะได้คะแนนสูงสุด

หมายเหตุ เว็บ Kahoot สำหรับผู้สร้างเกม ไปที่เว็บ getkahoot.com สามารถสร้างเกมตอบคำถาม (quiz) หรือ Discussion และ Survey ก็ได้ด้วยนะเออ 🙂k1

 

เว็บยูทูปสอนสร้างแบบทดสอบบนเว็บ Kahoot

 

เที่ยวญี่ปุ่น Japan Trip

ประสบการณ์ต่างแดน 2

พยายามเรียบเรียง เนื่องจากกลับมาเดือนกว่าแล้ว ยังไม่ได้เขียนรีวิว นี่เป็นครั้งที่ 2 สำหรับการท่องเทียวต่างแดน ครั้งแรกไปเกาะฮ่องกง ครั้งนี้ไปประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันมานานหลายปี อยากไปมาก วางแผนมาเป็นปีๆ ศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ บล็อกเกอร์ ยูทูป กูเกิ้ล พันธุ์ทิพย์ เนื่องจากครั้งนี้ต้องเดินทางด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปกับทัวร์ (ครั้งแรกไปกับทัวร์ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพราะมีไกด์นำทาง เตรียมเงินไปอย่างเดียว) แต่ข้อเสียในครั้งแรกคือ การที่เราไม่ได้เตรียมตัวนี่แหล่ะ พอเป็นวันอิสระ 1 วันเลยไม่รู้จะไปไหน จะขึ้นรถไฟฟ้าก็กลัวหลง เลยได้แต่นอนกะเดินเล่นแถวๆ โรงแรมที่พัก ครั้งนี้เราเลยวางแผนอย่างดี ศึกษาข้อมูลที่แต่ละที่ที่เราจะไป และที่สำคัญครั้งนี้ต้องทำหน้าที่ไกด์ให้กับสมาชิกทุกคน รวม 7 ชีวิต ผู้ใหญ่ 6 เด็ก 1 (เป็นผู้หญิง4 ผู้ชาย 3) เริ่มจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกที่สุดเท่าที่จะจองได้ ล่วงหน้าเกือบปี พร้อมจองโรงแรม จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและค่าโรงแรม 5 คืนแรกแล้ว ที่เหลือค่อยกลับมาเคลียร์เอาบัตรเครดิตไปรูดจ่ายค่าโรงแรมที่เหลือกับช็อปปิ้ง พร้อมรีวิวโรงแรมที่เลือกแบบละเอียดที่สุด จะได้ไปถูก กลัวหลงมาก เพราะต่างบ้านต่างเมือง ต่างภาษา

13000165_1129433193743586_304936904184910389_n

เดอะแกงค์พร้อมเดินทาง

12994470_1267175853311439_598178094213671356_n13043411_942598429187553_1085791787717870300_n

นับถอยหลังด้วยความตื่นเต้น จนถึงวันที่เราจะต้องเหินฟ้าจริงๆ สักที จากสนามบินดอนเมือง สู่สนามบินคันไซ เมืองโอซะกะ ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 17 เมษายน 2559 เวลา 14.15 น. จองเวลาช้าไปนิด เพราะกลัวตื่นไปสนามบินไม่ทัน แต่ทุกคนตื่นเต้นไปถึงแต่เช้า กลุ่มแรกไปถึงตั้งแต่ 10 โมง ส่วนเราไปถึงตอน 11 โมงกว่า เนื่องจากทราบมาว่าบินนอกประเทศต้องเผื่อเวลาสำหรับเช็คอิน โหลดกระเป๋า ผ่าน ต.ม. สัก 3 ชั่วโมง (แต่เราเช็คอินกับเว็บมาล่วงหน้าแล้ว)  เมื่อถึงจุดนัดพบ จัดการกับสัมภาระโหลดขึ้นเครื่อง เตรียมเสบียง ก็เดินไปที่เกท เพื่อรอขึ้นเครื่อง

สิ่งที่ต้องเตรียม

  1. ตรวจสอบเอกสารพาสปอต
  2. ใบจองโรงแรม ปริ้นชื่อและภาพสถานที่ต่าง ๆ ที่จะไป เผื่อไว้ถามทาง
  3. ปลั๊กไฟ
  4. แบตสำรอง (32000 mAh) ไม่เกิน 2 ก้อน
  5. จองพ็อคเก็ตไวไฟ สะดวกสำหรับค้นหาข้อมูลจากเว็บ Hyperdia
  6. เสื้อผ้าตามฤดูกาล สภาพอากาศ (ตรวจสอบบ่อยๆ)
  7. ยาแก้เมื่อย (ไม่ได้ใช้เลย เพราะไม่เมื่อยเท่าไร มีเวลาพักผ่อนนาน)
  8. แลกเงินเยน

แผนการท่องเที่ยว

  1. แถบคันไซ โอซะกะ, เกียวโต, นะระ (จริงๆ มีโกเบ แต่ตัดออก เพื่อช็อปในโอซะกะแทน) 5 วัน 5 คืน ไม่นับวันเดินทางไปถึง
  2. โตเกียว 2 วัน
  3. ฟูจิ 2 วัน
  4. โตเกียวอีก 1 วัน (นั่งเครื่องจากนาริตะ กลับดอนเมือง)

แผนเราปรับเปลี่ยนไปมาตามความเหมาะสม ตอนแลกแพลนคร่าวๆ แล้วมาปรับเมืองเล็กๆ ตามสภาพอากาศ เพื่อสะดวกกับการเดินทาง อย่างเมืองเกียวโต นะระ เลือกไปวันไม่มีฝน แต่กลับมาพักที่โรงแรมเดิม

จองโรงแรมที่ฟูจิ เช็คสภาพอากาศจนค่อนข้างนิ่งแล้ว ถึงเลือกไปวันนั้น และจองเผื่อวันอื่นๆ ของอีกโรงแรมพอได้วันแน่นอนค่อยยกเลิกโรงแรมตามแผนอีกทีก่อนกำหนดที่จะโดนหักเงิน และกลับมาช็อปที่โตเกียวอีกวัน

13010636_942598259187570_3885464274714248469_n

กะลังผ่าน ต.ม. ขาออก หรือขาเข้า

วันแรก

ถึงญี่ปุ่นประมาณ 3 ทุ่มกว่า ก่อนกำหนดนิดหน่อย แต่กว่าจะผ่าน ต.ม. เอากระเป๋า เข้าห้องน้ำ เสร็จก็เกือบเที่ยงคืน ที่จำหน่ายตั๋วต่าง ๆ ที่วางแผนไว้ว่าจะซื้อก็ปิดหมด พลาดไป 1 คราวหน้าคงวางแผนบินให้เช้ากว่านี้

ออกมาก็งงนิดๆ หัดซ้ายหันขวา จะไปทางไหนดี อ่านรีวิวมาแล้วก็ยังงงๆ ลังเล ระหว่างรถบัส กับรถไฟว่าจะนั่งรถอะไรเข้าเมืองเพื่อไปโรงแรมดี ถามเจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปรถไฟ เหลือเวลาอีกประมาณ 10 นาที วิ่งสิ วิ่งกันหูตั้งเลยทีเดียว

ตั๋วรถไฟก็ยังกดไม่เป็น มีเจ้าหน้าที่มาบริการกดให้ก่อนแบบงงๆ แล้ววิ่งไปขึ้นรถไฟฟ้าขบวนสุเดท้าย ทันพอดี หอบกันเลยทีเดียว

โรงแรม Hotel consort ชื่อสถานนีที่ลงยาวมาก Nishimakajima minamikata เป็นโรงแรมที่จองไว้พร้อมกับตั๋วเครื่องบินตกคืนละ ไม่ถึง 2 พัน ประมาณ 1900 เศษ เห็นว่าราคาถูกมาก จองไว้ 5 คืน 17-22 เมษายน 2559 ยื่นเอกสารจองหน้าเคาท์เตอร์ รับกุญแจมา 3 ห้อง (เด็กฟรีไป สบายเลย เพราะเค้าไม่คิดเพิ่ม) ห้องมาตรฐานญี่ปุ่น แค่พอนอน วางของได้นิดหน่อย ของใช้ในห้องน้ำ ชุดคลุมพร้อม แวะร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้ามโรงแรม แล้วเข้าที่พัก เกือบตีสอง เหนื่อยมาก นอนพักผ่อน ก่อนเที่ยวต่อในตอนเช้า (นัดกันทางไลน์กับกรุ๊ปอีกที) เหตุผลที่เราจองโรงแรมคืนแรก หลังจากศึกษาแล้ว บางคนจะนอนที่สนามบินเพราะถึงดึก แล้วนั่งรถไฟตอนเช้า แต่เราอยากพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อพร้อมสำหรับเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้ หากนอนสนามบิน คงพักผ่อนไม่เต็มที่แน่ๆ ยอมเสียเวลาเช็คอินแต่ได้เข้าพักเลยดีกว่า เพราะกว่าจะเช็คอินได้โรงแรมที่ญี่ปุ่น คือ 15.00 น. อยากนอนมากกว่านั่นเอง555+

รีวิวโรงแรมประกอบจากเว็บพันธุ์ทิพย์

http://pantip.com/topic/31451624

วันที่ 2 ปราสาทโอซะกะ, Namba, Dontonburi, shinsaibashi

ตื่นมาหาอะไรง่ายๆ กินแถวโรงแรมนี่แหล่ะ มีซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่ไกลนัก ถือว่าเดินเล่นไปเรื่อย ๆ พร้อมกันอีกทีเกือบเที่ยงละมั้ง วันแรกเราแพลนว่าจะไปปราสาทโอซะกะ (Osaka castle) และไปช็อปปิ้งย่าน Namba, Dontonburi, shinsaibashi แลนด์มาร์คก็ว่าได้

ปราสาทโอซะกะ

ไม่ได้ขึ้นชมปราสาท ไว้คราวหน้าละกันนะ

ช็อปปิ้งถึง 2 ทุ่ม เมื่อยมาก หาไรกิน ร้าน yoshinoya มีสาขาในไทยด้วย เคยไปทาน มาลองที่ต้นตำหรับบ้าง เหมือนกันเป๊ะ

13083299_1280339898661701_6838081955695031589_n

มื้อเย็น

วันที่ 3 เกียวโต (Kyoto)

จากการตรวจสอบสภาพอากาศ วันสองวันนี้อากาศดีไม่มีฝน เราเลยเลือกเดินทางไปเมืองใกล้ ๆ นั่นคือ เกียวโต เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น สถานที่ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นมรดกโลก ทำให้เราแพลนไปเที่ยวเมืองนี้ ออกเดินทาง 9 โมงเช้า หาอะไรลองท้องให้เรียบร้อย นั่งรถไฟไปลงที่

-ศาลเจ้าจิ้งจอก ที่มีเสาโทริอิ เยอะๆ ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha)

เป็นที่แรก พอถึงเดินตามทาง จะมีนักท่องเที่ยวเดินเยอะแยะ ไม่ต้องกลัวหลง มาถึงก็เกือบเที่ยงพอดี เด็กเริ่มหิวแวะหาอะไรกินกันก่อน เราสั่งข้าวหน้าปลาไหล ปลาไหลกรอบนอกนุ่มใน อร่อยมาก อยู่ปากทางเข้าศาลเจ้า จริงๆ ตั้งใจมากินร้านดังที่มีคนรีวิวไว้ แต่ร้านดันปิด แต่ร้านนี้รสชาติก็อร่อยแล้วนะ

ถ่ายภาพตัวอย่างเซ็ทอาหาร+ราคาไว้สั่ง กันสั่งผิดเมนู

13015520_944280469019349_4083450669401896216_n

ถ้าจะดื่มด่ำบรรยากาศ หรือเดินชมจนทั่วบริเวณ คงใช้เวลาทั้งวัน เราจึงเก็บเฉพาะแลนด์มาร์ค แล้วเตรียมตัวไปที่ต่อไป

-วัดทอง วัดคินคะคุจิ(Kinkakuji)

จากศาลเจ้าจิ้งจอง นั่งแท็กซี่ 2 คัน มาลงที่วัดทอง เพราะไม่อยากเดิน และต้องเก็บอีก 2 ที่ ช่วยประหยัดเวลา ตอนแรกบอกคุณลุงแท็กซี่ผิดวัด ดันไปบอกวัดน้ำใส โดนคุณลุงตีด้วยความเอ็นดูเบาๆ ขำกันใหญ่ ดีว่ารถพึ่งออกไปนิดเดียว

มาถึงวัดทอง เสียค่าเข้าชมคนละ 400 เยน วัดทองเป็นวัดเล็กๆ ใช้เวลาเดินไม่นาน เมื่อชมความงดงามรอบๆ แล้ว เราก็ย้ายไปวัดสุดท้ายของวันนี้

-วัดน้ำใส วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส(Kiyomizu-dera)

เรียกแท็กซี่มาที่วัดน้ำใสอีกเหมือนเดิม คุณลุงแท็กซี่อีกเช่นกัน สังเกตว่าแท็กซี่ญี่ปุ่นจะมีแต่คุณลุงขับ ประตูคนนั่งก็เปิดอัตโนมัติ ขึ้นรถก่อนค่อยบอกสถานที่ที่จะไป เราจะบอกก่อนขึ้นทุกที ติดจากเมืองไทย กลัวเค้าไม่ไป 55555  คุณลุงแท็กซี่คันนี้บอกว่าในหลวงเคยเสด็จรถแท็กซี่คันนี้ โชว์แบงค์ที่ได้รับจากในหลวงด้วย  รถคันนี้ดูหรู และใหม่ ตื่นเต้นกันใหญ่

ที่เราเลือกแท็กซี่เพื่อให้ทันเวลา เรามากันหลายคน คิดว่านั่งแท็กซี่ไม่เหนื่อย อาจจะแพงหน่อย แต่หารกันก็คนละไม่ถึงพันเยน วัดน้ำใสต้องเดินขึ้นเนิน แท็กซี่ก็ไปส่งถึงบนเนิน จุดจอดรถแท็กซี่สบายไป ค่าเข้าชม 400 เยนเหมือนที่อื่น ๆ รอบนี้เดินไม่ทั่ว เพราะบริเวณค่อนข้างกว้าง บางคนไม่อยากเดินแล้ว รอข้างนอก ถ่ายรูปแลนด์มาร์คเสร็จ ก็เตรียมเดินทางกลับ ซื้อทาโกะตรงคิวรถแท็กซี่ลองท้อง และกดน้ำอัดลมขวดเล็กกิน เป็นกิจกรรมที่ชอบมาก หยอดตู้กดน้ำอัตโนมัติเนี่ยะ

ขากลับเราเรียกรถแท็กซี่จากอีกเช่นกัน เพื่อไปลงสถานีรถไฟ เพียง 620 เยน แป๊บเดียวเอง มิเตอร์ยังไม่ทันขึ้นเลย เดินเล่นแถวสถานีรถไฟ แล้วซื้อตั๋วเพื่อกลับโรงแรมที่โอซะกะ ถึงโรงแรมแยกย้ายหาของกินตามอัธยาศัย เพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้เที่ยววันต่อไป

วันที่ 4 นะระ

วันนี้สภาพอากาสโปร่งสบาย มีแดด ไม่มีฝนเลย ตรงตามพยากรณ์เป๊ะๆ ลุยต่อสิ รออะไร วันนี้เราจะไปหาน้องกวาง ที่สวนสาธารณะนะระ และวัดโทไดจิ (Todaiji Temple) แอบสำเนียงญี่ปุ่นนิดนึง ใช้สระเสียงสั้น ก่อนมาเราคุ้นเคยกับ นารา โอซาก้า แต่พอมาเราเข้าใจว่า ญี่ปุ่นจะใช้สระเสียงสั้น มากกว่าเสียงยาว จึงเรียกแต่ละเมืองแบบสำเนียงญี่ปุ่นเป๊ะๆ

เนื่องจากโรงแรมเราใกล้สถานที่รถไฟ จึงเดินทางสะดวกสบาย ซื้อตั๋วรถไฟมาลงที่นะระ เดินตามทางออกมาเจอป้ายรถเมล์ ขึ้นรถเมล์เพื่อไปลงสวนสาธารณะนะระ ประมาณ 2 ป้ายรถเมล์ เราขึ้นฝั่งที่ลงรถไฟ เลยตัดสินใจนั่งชมรอบๆ ให้ครบรอบก่อนค่อยลง ไหนๆ ก็เสียค่ารถ220 เยน ตลอดสายแล้ว พอรถวิ่งครบรอบก็ลงที่สวนสาธารณะ

ถ่ายรูปกับน้องกวางเสร็จแล้ว เที่ยงกว่าแล้ว เด็กก็เริ่มงอแง หิวข้าว ข้ามถนนแล้วเดินหน้าหาข้าวเที่ยงกันก่อน เจอร้านข้าวอบ ไม่รู้ว่าคืออะไร กินอิ่มแล้วเดินหน้าต่อ หาวัดโทไดจิ เดินหน้าไปเรื่อยๆ ก็เจอวัดเฉยเลย เจอแบบงงๆ วัดสวยงามมาก เป็นมรดกโลกอีกที่ ที่เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบน้องกวางตลอดเส้นทางในเมืองนะระ เลยทีเดียว

13062104_944676495646413_6077899383436412345_n

ข้าวอบ ต้องรออบให้ได้ที่กินแนมกับผัดผักอร่อยดี เต้าหู้ และบ๊วย

13062287_944679138979482_754703919037349468_n

วันที่ 5 Namba, Dontonburi, shinsaibashi 

วันนี้ตื่นเช้าไปเดินเที่ยวตลาดปลา เช้าของเราถือว่าสายละ ไปตลาดปลาก็วายแล้ว แต่เรามาเพื่อกินซูชิ มาถึงเกือบ 8 โมง รอคิว 2 คิวเกือบครึ่งชั่วโมง

กลับจากตลาดปลา นอนกลิ้งไปกลิ้งที่บนห้องพักต่ออีกหน่อย สายๆ เที่ยงๆ ค่อยออก วันนี้มีฝนปรอยนิดหน่อย เนื่องจากเราตัดโปรแกรมที่โกเบทิ้ง เพราะคิดว่าวันเดียวไม่น่าจะเก็บอะไรได้ ฝนก็ตก อากาศไม่เป็นใจ ท่าเรือที่ตั้งใจไปควรอยู่ถึงมืดถึงจะสวย ไว้มาเก็บคราวหน้า เผื่อนอนค้างสักคืนน่าจะดีกว่า

วันนี้นอนเต็มที่ออกไปช็อปปิ้งของฝากเกือบเที่ยงเลย เนื่องจากเพื่อนบอกว่าที่นี่ถูกกว่าที่โตเกียว แต่เทียบราคาแล้วก็ไม่แพงกว่ากันสักเท่าไร เช่นเหล้าบ๊วย ถูกกว่ากันไม่เกิน 100 เยน

13076542_945191665594896_4526266327479395534_n

วันที่ 6 โตเกียว

ตื่นเช้าเช็คเอาท์สัก 10 โมง เพื่อเดินทางต่อไปโตเกียว เมืองหลวง พอจะย้ายเมืองทีก็แอบตื่นเต้นที กำลังเข้าที่เข้าทางกับเมืองโอซะกะ ต้องย้าย ก็กลัวจะหลงเป็นธรรมดา ตั้งแต่มา 5 วันยังไม่หลงสักที่ เนื่องจากเราถามทางตลอด ถ้าไม่แน่ใจ ก่อนใช้ตั๋วจะถามเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันความถูกต้องอีกครั้ง ติดต่อเจ้าหน้าที่ซื้อตั๋วแบบจองที่นั่ง เพราะเจ้าหน้าที่กดให้ราคาต่างกัน ไม่ถึงพันเยน เพื่อความสบาย กลัวจะไม่มีที่นั่ง แต่พอขึ้นรถมาก็ว่างเยอะ เนื่องจากเป็นต้นสายมีคนทยอยขึ้นตลอดสาย ไม่แน่นมาก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงโตเกียว

จากประสบการณ์ขึ้นรถไฟมา 5 วันเต็ม ทำให้เราเริ่มคล่องขึ้น ตั้งจีพีเอสเดินลากกระเป๋าไปโรงแรมที่จองผ่านเว็บ booking ไว้ 2 คืนนี้เราเลือกแถวอุเอะโนะ เพราะใกล้ที่เที่ยว เดินทางสะดวก HOTEL SARDONYX UENO โรงแรมเล็กๆ มีอาหารเช้าพร้อม แต่มีให้เลือกเป็นเซ็ท 3 เซ็ท ชุดขนมปังกะน้ำซุป แถมดริงค์คนละ 1 ดริ้งค์ใช้วันไหนก็ได้

รีวิวประกอบโรงแรม HOTEL SARDONYX UENO

http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2010/11/E9962382/E9962382.html

เรามาถึงโรงแรมก่อนเวลา ก็ทำการฝากกระเป๋าตามที่ได้ศึกษามาจากรีวิว ว่าฝากได้ แล้วไปหาของกิน ย่านที่เราพักใกล้ตึกม่วง ใกล้ตลาด  Ameyoko และ Ueno Park

วันนี้หาเนื้อย่างกิน สมใจอยากทีเดียว

เสร็จแล้วแยกย้ายเข้าที่พัก ตอนเย็นออกมาเดินเล่นตึกม่วง หรือตลาด Ameyoko กันตามอัธยาศัย

ตอนเย็นกินซูชิสายพานกัน ร้านใกล้ๆโรงแรมเยอะมากเลือกไม่ถูกเลย ไม่ได้หิวทำไมภาพเบลอ เหมือนมือสั้น

วันที่ 7 โตเกียว

วันนี้ออกเดินทางสายๆ สัก 9 โมง เดินจากโรงแรมไปสวนอุเอะโน แวะดูเบสบอลแป๊บๆ ถ่ายรูปเล่นในสวน วันนี้มีกิจกรรมแข่งเต้นของเด็กและเยาวชนญี่ปุ่น นั่งดูแป๊บๆ เตรียมมูฟ เพราะวันนี้เราจะไปหลายที่ ขึ้นสถานีรถไฟตรงอุเอะโนะ เลือกตั๋วแบบเหมาวัน 800 เยน เพราะต้องขึ้นลงหลายที่ น่าจะคุ้มกว่า เพราะไม่ได้ซื้อพาสใดๆ เพราะคิดว่าคงใช้ไม่คุ้มแน่ๆ เราเที่ยวันไม่กี่ที่ มาถึงที่แลนมาร์คที่แรกในโตเกียว

-วัดเซนโซจิ(Sensoji Temple) บางคนนิยมเรียกว่าวัดอาซากุสะ หรือวัดโคมแดง (Asakusa Kannon Temple)

เดินเที่ยววัดเสร็จชักหิวแล้วสิ หาเนื้อปิ้งย่างกินดีกว่า เซ็ทอาหารกลางวันจะราคาถูกกว่ามื้ออื่นๆ เพราะมีโปรโมชั่นเป็นเซทคุ้มกว่า

-Ginza เดินเล่น ถนนคนเดิน ห้างเยอะมาก ไม่ได้เข้าไป

13043351_1270884812940543_2655515021507329589_n

-Shibuya

5แยกชุบูย่าอันขึ้นชื่อ มาเก็บภาพซะหน่อย มีสตาร์บัคให้นั่งมองคนเดินข้าม5แยกไปมาด้วย

13094108_1270884579607233_5227453250836674218_n

-Tokyo Skytree เห็นว่าต้องจอง คิวยาว เลยไม่ขึ้นกัน บวกกับกลัวความสูง แค่นี้พอ

13082523_1270884499607241_6645245535548074106_n

วันที่ 8 ฟูจิ

วันนี้ทานอาหารเช้า เตรียมเช็คเอาจากโรงแรม เพื่อนเดินทางไปแลนด์มาร์คสำคัญอีกที่นึง ทะเลสาบคาวาคูจิโกะ ชมภูเขาไฟฟูจิ นั่นเอง 

จากการศึกษาข้อมูล เดินทางด้วยรถบัส ราคาประหยัดกว่ารถไฟ ท่ารถโดยสาร Shinjuku Expressway Bus Terminal ขึ้นบันไดเลื่อนด้านหน้าทางออกขายบัตรโดยสาร (ทางออกทิศใต้ใหม่) เพื่อไปยังท่ารถขาออกบนชั้น 4

เว็บจองรถบัส

http://highway-buses.jp/thai/

ใช้เวลาพอกัน ประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่ต้องรีบเพราะกว่าจะเช็คอินเข้าโรงแรมได้ คือบ่าย 3 โมงกว่ารถโรงแรมจะมารับ เราออกเดินทางตอนสายๆ ถึงสถานีรถบัส ได้รถเที่ยว 11 โมงกว่า (เวลาประเทศญี่ปุ่น) ถึงสถานนีรถบัสที่คาวาฯ ประมาณบ่ายโมง ให้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวติดต่อโรงแรม แต่ต้องรอเวลากว่ารถโรงแรมจะมารับคือ บ่าย 3 โมง ตามเวลาเป๊ะ เราก็นั่งรอไปสิ วันนี้พยากรณ์อากาศบอกมีฝนมีเมฆ ก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ไม่เห็นแม้แต่เงาภูเขาไฟฟูจิ มีแต่หมอกหนามาก อากาศเย็นมาก 13 องศา หาที่หลบอากาศหนาว ระหว่างรอรถโรงแรมมารับ (Mizuno Hotel)

รถโรงแรมมารับเช็คอินเรียบร้อย เข้าห้องพัก แยกย้าย วันนี้จอง 2 ห้อง เพราะราคาค่อนข้างสูง บวกกับห้องพักเต็ม โรงแรมตั้งอยู่บนเขา เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิชัดเจน แม้วันนี้จะยังไม่เห็นก็ตาม ได้แต่เฝ้ารอ จากที่อ่านรีวิว ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 4 เพื่อมาดูภูเขาไฟฟูจิ เลยทีเดียว

ออกมาอวดโฉมแล้วจ้า เวลา ตี4.30 น. ยังมีเมฆลอยนิดหน่อย

13173634_1280348835327474_4021897726068514381_n

วันที่ 9 ฟูจิ

วันนี้อากาศดี ตื่นเช้ามาเมฆหายหมดแล้ว นั่งมองฟูจิที่ระเบียงห้อง ฟินสุดๆ สวย อากาศเย็นสบาย สายๆ รองท้องด้วยมาม่าคัพที่เหลือ แล้วไปเดินเล่น เพื่อไปขึ้นกระเช้าชมความงามของภูเขาไฟฟูจิให้เต็มตา ถ่ายรูปเก็บภาพจนพอใจแล้ว ก็ลงมาเดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบ13083105_947528155361247_2448448592363509616_n

13100786_947528045361258_7278096250159467525_n

เที่ยงแล้วหิว หาอาหารรับประทาน บางร้านมีเมนูภาษาไทยด้วย เดินเจอคนไทยเยอะแยะเลย เหมือนอยู่ประเทศไทย

ข้าวหน้าเทมปุระ

13055482_947481898699206_6712721469705417272_n

เดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบคาวากูชิโกะ ภาพภูเขาไฟตอนสะท้อนน้ำ ก็สวยมากๆ

วันที่ 10 โตเกียว

เช็คเอาท์จากโรงแรม ให้รถโรงแรมมาส่งที่สถานีรถบัส ซื้อตั๋วรถบัสเพื่อกลับโตเกียว ถึงโตเกียวยังไม่ได้เวลาเช็คอิน เดินหาโรงแรมเพื่อเอากระเป๋าไปฝากแล้วหาของกิน โรงแรมสุดท้าย Hotel Mystays Ueno Inaricho รู้สึกเดินไกลมาก 15 นาที จากสถานีรถไฟ พอถึงโรงแรมพอดีห้องพักว่าง เลยได้เช็คอินเข้าที่พักก่อนเลย แล้วกลับไปหาอะไรอร่อยๆ ทาน แถวอุเอะโนะ ตอนเย็น

รีวิวโรงแรม Hotel Mystays Ueno Inaricho

http://pantip.com/topic/33285251

วันที่ 11 เดินทางกลับ

เช็คเอาท์จากโรงแรมตามเวลา เพราะไม่ได้รีบ เนื่องจากไฟท์กลับ 2 ทุ่มเศษ มีเวลาโอ้เอ้อีกนิดหน่อย ละลายเงินเยน นั่งรถไฟจากอุเอะโนะ ไปสนามบินนาริตะ ตอนแรกซื้อตั๋วผิด ไปสนามบินไม่ได้ ติดต่อเจ้าหน้าที่อีกทีเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหน หลังสอดตั๋วไปแล้ว เจ้าหน้าที่แนะนำ และคืนเงินให้ว่าเราต้องไปอีกสถานีนึง คือ keisei station

 

กดตั๋วผิด เอามาแชะถ่ายรูป อ้าวผิด ซื้อใหม่555+13087508_948736895240373_5793208781083592264_n

 

 

 

13102874_948736881907041_7955235939485401434_n

ได้ขึ้นรถไฟไปนาริตะแล้ว เหมาขบวน จริงๆ เพราะเป็นต้นสายยังไม่มีใครขึ้น เราเลยเก็บภาพกันก่อน

จบทริปญี่ปุ่นแบบด่วนๆ งงๆ ไม่ลงรายละเอียดมาก ก็ลืมๆ เลือนๆ ไว้ค่อยมารีวิว เกี่ยวกับการขึ้นรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นแยกอีกรีวิวจะดีกว่า